ความในใจของพี่เอ้ สุชัชวีร์ กับการลงพื้นที่เขตบางขุนเทียน
ใกล้ถึงวันลงคะแนน หลายพรรค หลายผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ยิ่งคึกคัก และเข้มข้น รวมไปถึงพี่เอ้ สุชัชวีร์ ด้วย
ปราศรัย 18 พ.ค. 2565
ผมดีใจจริง ๆ ที่มีโอกาสมาอยู่ที่นี่ มาอยู่ที่บางขุนเทียน กำลังใจแบบนี้ใครจะกล้าทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวังล่ะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมขอบคุณทุกกำลังใจจริง ๆ ครับ
คนกรุงเทพฯ ที่เคารพรักทุกท่าน การลงสมัครผู้ว่ากทม.ครั้งนี้ มีความหมายกับชีวิตผมมาก ผมได้พบกับพี่น้องที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจไม่น้อยกว่ากัน 50 คน 50 เขต ของพรรคประชาธิปัตย์
วันนี้เห็นได้ชัดว่า เราจะเริ่มเปลี่ยนกรุงเทพ เราทำได้ทั้งที ต้องเริ่มต้นให้มันชัดเจนตั้งแต่วันแรก เพราะวันนี้ ผู้ว่าคนเดียว ทำงานไม่ได้หรอกครับ แต่ผู้ว่าต้องมาพร้อมกับทีม ส.ก. 50 เขต 50 คน เพื่อเป็นกำลังสำคัญ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เปลี่ยนกรุงเเทพ เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัย ต้นแบบอาเซียนให้ได้
เมื่อคืนฝนตกหนักมาก จนน้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯ ก่อนวันเลือกตั้ง 4 วัน มันเหมือนสัญญาณที่ส่งจากท้องฟ้า ธรรมชาติ บอกพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ว่า ท่านจะเลือกผู้ว่าฯ ผิดคนไม่ได้ เพราะนี่คือสัญญาณของธรรมชาติจากท้องฟ้า บอกคนกรุงเทพฯ ทุกคนว่า วันนี้ธรรมชาติจะเอาคืน หมายความว่าจากนี้ไปฝนจะไม่ตกน้อยลง ปัญหาน้ำท่วมจะไม่น้อยลง ถ้าไม่ได้ผู้นำที่ชื่อ สุชัชวีร์ เบอร์ 4
เรื่องน้ำท่วมหลายคนบอกว่าเราจะหมดหวัง แต่ผมบอกกับทุกคนว่า มาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะชาวบางขุนเทียน ท่านหมดหวังไม่ได้ เพราะถ้าหมดหวังคนที่ลำบากคือลูกหลานของท่าน
หลักหมุดที่ 28 – 29 ที่ชายทะเลบางขุนเทียน ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคต วันนี้เสาไฟฟ้าอยู่กลางทะเล แสดงว่าวันนี้ธรรมชาติรุกคืบท่านไม่ใช่ทุกปี แต่เป็นทุกวันๆๆ กรุงธนใต้ ตั้งแต่บางขุนเทียน บางบอน ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ หนองแขม จอมทอง นั่นคือปราการด่านสุดท้ายของกรุงเทพมหานคร ท่านยังไม่กลัวอีกเหรอครับ
และเมื่อวานฝนได้ส่งสัญญานถึงคนกรุงเทพแล้วครับว่า 22 พ.ค. นี้ ไม่ว่าท่านจะรักใครชอบใครชอบพรรคไหน เวทีกรุงเทพมหานครไม่ใช่เวทีในการแข่งขันในเรื่องการคิดต่างทางการเมือง แต่เป็นเวทีในการเลือกผู้ว่ากรุงเทพ ที่ต้องทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน และเขาคนนั้น ต้องเจอปัญหาที่หนักหนาสาหัสทุกอย่าง และถามตัวเองครับ วันนี้ ทั่วโลก กลัวปัญหาอะไรมากที่สุด ปัญหาที่เกิดจากธรรมชาตินี่แหละครับ วันนี้ผมเลยบอกว่า อีก 4 วันที่จะมีการเลือกตั้งนั้น ข้างบนฟ้าได้ส่งสัญญานถึงคนกรุงเทพชัด ๆ ครับ ว่าทุกคะแนนที่ท่านลงในวันที่ 22 พ.ค. ท่านต้องคิดให้ดี
ขอให้ท่านเลือกผู้ว่าฯ ต้องเป็นคนที่มีความรู้จริง ๆ มีความเข้าใจกับเรื่องกรุงเทพฯ กับเรื่องสัญฐานดิน และน้ำของกรุงเทพจริง ๆ ไม่เช่นนั้น ถ้าคิดอย่างเดิม ทำแบบเก่า 4 ปี กรุงเทพฯ จะสูญเสียไปอีกเท่าไหร่ หรือวิกฤติอาจจะแก้ไม่ได้ สายเกินไปก็เป็นไปได้
ผมมีความตั้งใจมา 30 ปี ที่จะขออาสามาทำงานนี้ ตั้งแต่เรียนวิศวะ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว และจุดนั้นเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้ผมมีความตั้งใจว่าวันนึงจะกลับมาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน
กรุงเทพฯ ปัญหาในวันนี้คือเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งพระนครหรือฝั่งธนบุรี เป็นดินแดนปากแม่น้ำ อายุของดินกรุงเทพจนถึงธนบุรี 4-5 หมื่นปี ถือว่าหนุ่มสาวมาก เพราะในดินแดนอื่น เช่น อเมริกา แอฟริกา ยุโรป มีอายุหลายล้านปี แสดงว่าดินแดนตรงนี้ยังหนุ่มสาวอยู่ แปลว่า มีความทรุดตัวลงทุกวัน ที่ผ่านมาอัตราการทรุดตัวของกรุงเทพฯ มากขึ้น จากปัจจัยเช่น การสูบน้ำบาดาล และคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ วันนี้ถ้าผู้ว่าฯ ไม่รู้เรื่องนี้ก็จะใช้เงินของพี่น้องประชาชนผิดไปทุกปี แต่ละปีสำนักระบายน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เงินไปมากกว่า 10 ล้านต่อปี 10 ปี มากกว่าแสนล้าน น้ำก็ยังท่วมกรุงเทพฯอยู่
แสดงว่าคิดแบบเดิม มันใช้ไม่ได้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ต้องกล้าคิดสิ่งใหม่ แต่เมื่อไปดูผู้สมัครไม่มีใครกล้าออกมาพูดว่าวันนี้การระบายน้ำของกรุงเทพฯ มันตกยุคแล้ว กรุงเทพปัจจุบันเป็นแอ่งกระทะสมบูรณ์แบบ ดินที่ทับถมทรุดตัวลงเรื่อย ๆ จนเป็นแอ่งกระทะคอนกรีตสมบูรณ์แบบ ฝนตกมาน้ำก็ท่วม และหน้าฝนปัจจุบันไม่เหมือนฝนในอดีต เพราะตกมาทีเดียวท่วมตูม เพราะภาวะโลกร้อน
เมื่อวานฝนตกมากกว่า 136 มิลลิเมตรในจังหวะเดียว กรุงเทพฯไม่รอด ซึ่งจุดที่ต่ำที่สุดคือท่อระบายน้ำ ถัดมาเป็นซอย ถนน คลอง และที่อยู่สูงที่สุดคือแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ มีทางรอดทางเดียวในปัจจุบันคือสูบน้ำขึ้น เพื่อไปทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลออกอ่าวไทย
ผมไม่กล้าเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ แล้วมาบอกว่า เป็นผู้ว่าฯ แล้ว เดี๋ยวเรามาลอกท่อกันต่อนะ เดี๋ยวเรามาลอกคลอง ผมไม่กล้าหาเสียงเรื่องนี้ เพราะการลอกท่อลอกคลองเป็นเรื่องที่เราต้องทำอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่หนทางดับทุกข์ เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ คือเมืองปั๊มสมบูรณ์แบบ ปั๊มกรุงเทพฯ เหมือนปั๊มหัวใจ
แสดงว่าผู้ว่าฯ กรุงเทพ วันนี้ถ้าไม่เข้าใจสันฐานดินและน้ำกรุงเทพฯ ก็ใช้เงินท่านไปในทางที่ผิดๆๆ อย่างที่เห็นอยู่ เสียเงินเป็นแสนล้าน เปล่าประโยชน์ ไม่ได้หาหนทางดับทุกข์ที่แท้จริง
ผมเป็นผู้ว่าฯ เมื่อไหร่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรก ทำให้หัวใจของกรุงเทพ ยังเต้นได้ สิ่งที่ต้องทำให้คือต้องมั่นใจว่าปั๊มน้ำที่อยู่ในกรุงเทพฯนั้นยังทำงาน
ผมขออาสา สังคายนาระบบเปิด-ปิดประตูน้ำ เครื่องสูบน้ำเสียใหม่ ด้วยการเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติก่อน เมื่อฝนตกเครื่องสูบน้ำประตูระบายน้ำทำงานทันทีภาพที่ท่านจะเห็นถ้ามีผู้ว่าที่รู้เรื่องวิศวกรรมทางด้านน้ำและด้านดิน ท่านจะเห็นว่าเครื่องสูบน้ำทำงานทันที ในวินาทีแรกที่ฝนตก แต่เรื่องน้ำท่วมรอระบายยังไม่หายไป เพราะแม้จะเปลี่ยนระบบปั๊มให้ดีขึ้นก็ยังเป็นเพียงการประทัง เนื่องจากยังมีน้ำเหลือมากขึ้นทุกวัน
ตัวอย่างจากที่ญี่ปุ่น เจอพายุไต้ฝุ่น 72 ลูก หนักกว่ากรุงเทพ แต่น้ำไม่ท่วม จากที่ได้พบผู้ว่าฯ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองที่ประสบปัญหาหนักหนาสาหัสมากที่สุดในโลก จึงถามว่าทำอย่างไรน้ำจึงไม่ท่วม และได้รับคำตอบว่าวันนี้โตเกียว ไม่ว่าจะเจอพายุฝนแค่ไหนน้ำก็ไม่ท่วมเพราะเขาใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรมมาแก้ปัญหาของบ้านของเมือง ดังนั้นถ้าหากต้องการให้ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมมาแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ วันที่ 22 ต้องเลือกผู้ว่าฯ เบอร์ 4 สุชัชวีร์
โตเกียวถือกำเนิดนวัตกรรมแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เรียกว่า แก้มลิงใต้ดิน ที่ชินจูกุ ซึ่งกรุงเทพฯ ทำได้ โดยสามารถทำที่สวนจตุจักร เพื่อให้เป็นบ่อพักน้ำรอระบาย ขนาด 50 x 100 เมตร ลึก 20 เมตร ซึ่งก่อสร้างง่ายกว่าการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับเก็บน้ำฝนให้ไหลลงตามธรรมชาติมาที่บ่อพัก เมื่อหยุดตกจึงค่อยสูบน้ำออก
การคิดวิธีใหม่ ๆ เป็นความกล้าหาญและวิธีใหม่นี้ไม่ใช่กรุงเทพฯ หรือ สุชัชวีร์คิดเป็นคนแรก แต่กรุงโตเกียว ฮ่องกง สิงคโปร์ ทำสำเร็จมาแล้ว และวันนี้มีตัวอย่างที่วัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งได้เป็นที่ปรึกษา ได้สร้างแก้มลิงใต้ดินสำหรับแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบแล้ว
ปัญหาของพี่น้องกรุงธนใต้ ไม่ใช่มีแค่น้ำฝน แต่ยังประสบปัญหาน้ำทะเลหนุน และน้ำทะเลกัดเซาะ โดยเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเป็นของจริง ดูได้จากน้ำประปาตอนนี้ดื่มไม่ได้ เพราะเค็มไปถึงปทุมธานี แสดงว่าน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยารวมทั้งบางขุนเทียนได้ไหลย้อนร่วม 100 กม.
หากวันนี้ยังไม่มีผู้ว่าฯ ที่คิดเรื่องการป้องกันน้ำทะเลหนุน จะขอเป็นผู้ว่าคนแรกที่จะทำโครงการเริ่มสักที นับ 1 สักที โครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนและน้ำทะเลกัดเซาะบางขุนเทียน เพราะบางขุนเทียนคือด่านหน้า ถ้าบางขุนเทียนยังไม่ทำกันคลื่น กันน้ำทะเลหนุนน้ำจะซัดเข้าไป จากบางขุนเทียนก็ถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ชุดท้ายน้ำก็ท่วมตลอดแนวจนถึงบางพลัด จนถึงบางซื่อ นี่คือจุดประจัญบาน กรุงเทพฯ เราต้องสู้ให้ได้ เราต้องชนะได้ที่เขตบางขุนเทียน
ปัญหาน้ำเน่าในคลอง ที่วันนี้น้ำในคลองฝั่งธนเน่า ซึ่งสิ่งที่ต้องเป็นมรดกที่ให้ลูกหลานนั้น มี 2 อย่าง อย่างแรกคือการศึกษา ถ้าการศึกษาที่ดีมีคุณภาพก็ทำให้ลูกหลานมีโอกาสมากกว่าเรา สมบัติข้อที่ 2 คือสิ่งแวดล้อมแม่น้ำลำคลอง ซึ่งกรุงเทพฯ ฝั่งธน ถือเป็นดินแดนสุดท้ายที่เราจะพอรักษาคลองใสคลองสะอาดไว้ได้แต่วันนี้ไม่มีเหลือแล้ว เมื่อเป็นผู้ว่าฯ กทม. อยากจะพาคุณพ่อคุณแม่และลูกนั่งเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยาไปตามคลองต่าง ๆ และไม่ใช่การขายฝันแต่เชื่อว่าเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้
วันนี้ไม่ว่าท่านจะมีวิธีการเลือกตั้งแบบไหนก็ตาม จะวิเคราะห์กันแบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่นักการเมือง เพราะต้องเลือกผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นนักแก้ปัญหาเมือง และการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือแก้ปัญหาด้วยความรู้ วันนี้ผมเอ้ สุชัชวีร์ มาพร้อมกับความรู้ หลักวิชาการที่แม่นเป๊ะ มาพร้อมกับประสบการณ์ที่ทำมาทั้งชีวิต ทั้งด้านวิศวกรรม การศึกษา สาธารณสุข การเปลี่ยนแปลงองค์กร มาพร้อมวิสัยทัศน์เปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นเมืองที่ทันสมัยต้นแบบอาเซียน มุ่งมั่นทำได้จริง และผมไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมกับความชัดเจนของ ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ 50 เขต 50 คน วันที่ 22 พ.ค. ต้องเข้าคูหา กาเบอร์ 4
พื้นที่ประชาสัมพันธ์