ข่าว

"นักวิจัย" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า

"นักวิจัย" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า

20 พ.ค. 2565

ค้นพบกรรมวิธีการผลิตเลซิตินเกรด อาหารจากรำข้าวหรือถั่วเหลือง โดยใช้ผลิตผลพลอยได้ที่เรียกว่า "กัม" ที่มีปริมาณมากจากอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลัก

เมื่อวานนี้ (19 พ.ค.65) ที่ภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตรคณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เหรียญทอง สิงห์จานุสงค์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรวรรณ กฤตสุนันท์กุล และนายชินกฤต ศรีนวล คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้แถลงข่าว ค้นพบกรรมวิธีการผลิตเลซิตินเกรด อาหารจากรำข้าวหรือถั่วเหลือง โดยใช้ผลิตผลพลอยได้ที่เรียกว่า "กัม" ที่มีปริมาณมากจากอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลัก

 

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าว หรือ น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเดิมทีจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์ในราคาต่ำ จนได้รับการจดอนุสิทธิบัตรและพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาแก่ผู้ประกอบการและประชาชน โดยอนุสิทธิบัตรเรื่อง กรรมวิธีการผลิตเลซิตินเกรดอาหารจากรําข้าวหรือถั่วเหลือง
 

\"นักวิจัย\" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เหรียญทอง สิงห์จานุสงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เลซิติน (lecithin) คือ สารประกอบของไขมัน และฟอสฟอรัส หรือเรียกว่า ฟอสโฟลิปิด เลซิตินมีลักษณะทั้งที่เป็นของเหลว ข้น เหนียว และเป็นของแข็ง สามารถพบได้ตามธรรมชาติ ทั้งในพืชและสัตว์ ซึ่งจะพบมากในไข่แดง (9%) ถั่วเหลือง (4%) รำข้าว (2%) เมล็ดเรพสีด (2%) เมล็ดฝ้าย (1.5%) 
เมล็ดทานตะวัน (1%)

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตเลซิตินขึ้นได้เองจากตับ โดยมีสารตั้งต้นที่ร่างกายใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจําเป็น วิตามินบี และสารอาหารสําคัญอื่น ๆ หากร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินได้ไม่เพียงพอ

 

นอกจากนี้ เลซิตินยังเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ทุกชนิดและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะในสมองมีเลซิตินเป็นส่วนประกอบมากถึง 30% ซึ่งเลซิตินจําเป็นต่อการควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ภายในเซลล์ ให้ดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากนี้เลซิติน ยังมีประโยชน์ในการช่วยลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ อีกทั้งเป็นสารประกอบโคลีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้น สร้างสารสื่อประสาท ดูแลระบบการทำงานของสมองและประสาท ขณะที่ในด้านของอุตสาหกรรม ยังเป็น อิมัลซิไฟเออร์ ที่ทำให้น้ำและน้ำมัน สามารถรวมตัวกันได้ โดยไม่แยกชั้น และใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง เป็นต้น

 

 

\"นักวิจัย\" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า


 

\"นักวิจัย\" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า

 

 

กรรมวิธีการผลิตเลซิตินเกรดอาหารจากรําข้าวหรือถั่วเหลือง มีขั้นตอนการผลิต ดังนี้ นํากัมที่ได้
จากอุตสาหกรรมน้ำมันรําข้าวหรือน้ำมันถั่วเหลือง มาแยกสิ่งปลอมปนออก ด้วยตัวทําละลายเฮกเซน โดยใช้วิธีการปั่นเหวี่ยง จากนั้นนํากัมที่ได้มากําจัดน้ำมันออกด้วยตัวทําละลาย อะซิโตน

 

โดยใช้วิธีการตกตะกอน จะได้กัมที่มีปริมาณน้ำมันน้อย นํากัมที่ผ่านกระบวนการกําจัดน้ำมันมาทําให้บริสุทธิ์ด้วย ตัวทําละลายเอทานอล โดยให้ความร้อนเพื่อให้กัมละลาย เขย่าให้เข้ากัน และนําไปปั่นเหวี่ยง จากนั้น แยกเอาเฉพาะส่วน ที่ละลายในเอทานอลไประเหยเอทานอลออก จะได้เลซิตินบริสุทธิ์  

 

ซึ่งในปัจจุบัน เลซิตินเกรดอาหารมี จําหน่ายเชิงพาณิชย์ในราคา 600 - 4,000 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ และแหล่งที่มา ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีมูลค่าเพิ่มสูงมากถึง 30 - 200 เท่าของราคากัม (20 บาทต่อกิโลกรัม) ปัจจุบัน ยังไม่มีเลซิตินจากข้าวที่จําหน่ายเชิงพาณิชย์ 

 

ดังนั้น จึงเป็น อิมัลซิไฟเออร์ชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถพัฒนากรรมวิธีการผลิตให้มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ จนได้รับการจดอนุสิทธิบัตรโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร "มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ" พร้อมส่งเสริมการวิจัยเพื่อสร้างเกษตรมูลค่าสูง และพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและทรัพย์สินทาง ปัญญาแก่ผู้ประกอบการและประชาชน อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศชาติ

 

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โทรศัพท์ 0 5596 2379

 

\"นักวิจัย\" ม.นเรศวร พิษณุโลก ค้นพบของดี จากรำข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า

 

กรรณิการ์ สิงหะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.พิษณุโลก