ไทยลีกประทับใจแฟนบอลศรีสะเกษ แห่ชม"ฟุตบอลทีมชาติไทย"บู๊เติร์กฯแน่นสนาม
รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไทย โพสต์ซึ้งถึงแฟนบอลชาวศรีสะเกษ ที่สร้างปรากฏการณ์ให้การต้อนรับ"ฟุตบอลทีมชาติไทย" อย่างอบอุ่น ในเกมทีมชาติไทยเดินทางไปอุ่นเครื่อง กับทีมชาติเติร์กเมนิสถาน ระบุเป็นการลบล้างคำพูด "บอลไทยไม่มีใครดู"ให้หายไป
กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด ผู้รับมอบอำนาจในการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์แสดงความขอบคุณไปยังแฟนบอลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ให้การต้อนรับ"ฟุตบอลทีมชาติไทย"อย่างอบอุ่น ในการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง FIFA International Friendly A Match ทีมชาติไทย พบ
ทีมชาติเติร์กเมนิสถาน แข่งขันวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม ที่สนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษ โดยเกมนัดนี้มีแฟนบอลเข้าชมมากกว่า 16,000 คน ขณะที่ทีมชาติไทย ทำผลงานเอาชนะเติร์กเมนิสถาน 1-0
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันนัดนี้ คือการพิสูจน์ให้เห็นว่า คำว่าฟุตบอลไทย ไม่มีใครดู ไม่เป็นความจริง แฟนบอลชาวศรีสะเกษ ได้แสดงออกผ่านพลังของแฟนบอล ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเชียร์ "ฟุตบอลทีมชาติไทย" มากกว่า 16,000 คน เต็มความจุของสนามกีฬากลางจังหวัดศรีสะเกษ
" ขอบคุณแฟนบอลชาวศรีสะเกษและแฟนบอลไทย ที่ร่วมใจเข้าไปให้กำลังใจทัพช้างศึกในเกมอุ่นเครื่อง FIFA International Friendly A Match ผมกลับจากศรีสะเกษด้วยหัวใจที่พองโตอย่างยิ่ง ผมสัมผัสได้ถึง "ความสุข" ของชาวศรีสะเกษที่แสดงออกผ่านพลังของแฟนบอล ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเชียร์ "ช้างศึก ทีมชาติไทย" มากกว่า 16,000 คน แน่นสนาม ได้เห็นแฟนบอลนับหมื่นคน ที่ยังคงไม่ลุกออกจากสนามเพื่อรอปรบมือขอบคุณให้กำลังใจนักฟุตบอลรอบสนาม"
กรวีร์ ระบุว่า ภาพของแฟนบอลนับพันคน ที่มารอส่งนักกีฬาขึ้นรถบัสออกจากสนามนี่คือความสุขและความประทับใจที่ "คิดถึง" เพราะไม่ได้เห็นมานานหลายปีมาก คำที่บางคนพูดว่า บอลไทยไม่มีใครดู วันนี้ชาวศรีสะเกษพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศเห็นแล้วว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ขอขอบคุณไปยัง พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล
แห่งประเทศไทย ที่รับฟังข้อเสนอและตอบรับการที่ฟุตบอลทีมชาติไทย จะไปแข่งขัน นอกเมืองหลวง
"ผมเชื่อว่าแฟนบอลไทยอีกหลายล้านคนในต่างจังหวัด เฝ้ารอ "โอกาส" ที่จะได้ต้อนรับช้างศึกทัพนักเตะทีมชาติไทย อย่างน้อยวันนี้ "ความฝัน" ของชาวศรีสะเกษที่รอคอยมานานแสนนานก็กลายเป็น "ความจริง" นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ผมเชื่อว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน " กรวีร์ ระบุ
ขอขอบคุณภาพจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย