รวบมือ"แฮกไลน์" ลูกชาย "อนุทิน" พบคนตกเป็นเหยื่อเพียบสูญเงินกว่า 50 ล้าน
"รองเด่น" รอง ผบ.ตร. ระดมทุกหน่วยล่าเครือข่ายมือ "แฮกไลน์" หลอกยืมเงิน เบื้องต้น พบ "แฮกไลน์" ลูกชายคนเล็กของ "อนุทิน" รองนายกฯ และ รมว.สธ. และมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก เสียหายกว่า 50 ล้านบาท
7 มิ.ย.2565 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ ตำรวจ PCT พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชป. 5 PCT, พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผบก.ตอท., พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก.จว.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการแฮกไลน์ ผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท
โดยคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน นับตั้งแต่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ตั้งศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ มีผู้เสียหายแจ้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้ฝ่ายรับแจ้งพบสถิติมีผู้แจ้งความออนไลน์ในคดีถูกแฮกไลน์หลอกยืมเงินเข้ามามากผิดปกติ เกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยช่วยกันสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย
กระทั่ง สืบสวนทราบว่าเครือข่ายแฮกไลน์ จะส่งลิ้งก์แฝงโปรแกรม ตัวอย่างลิ้งค์คือ http://ded4950 . inmotionhosting ดอท com แฝงไปยังกลุ่มต่างๆ เช่น เว็บไซต์จองที่พัก , กลุ่มขายกระเป๋าแบรนด์เนม เมื่อมีเหยื่อหลงกลกดเข้าไป จะเข้าสู่หน้าที่ให้กรอกข้อมูล หากเหยื่อกรอกข้อมูลลงไปแล้ว คนร้ายจะสามารถเข้าไปล็อกอินระบบไลน์ของเหยื่อได้ทันที จากนั้นก็จะทักไปยืมเงินเพื่อนในไลน์ของผู้เสียหาย
ต่อมาวันที่ 1 มิ.ย.2565 ชุดหนุมาน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้นำหมายศาลบุกเข้าจับกุมตัวนายสมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาระดับหัวหน้าขบวนการและเป็นมือแฮกเกอร์ ในข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น"
จากคดีที่นายสมพร แฮกไลน์ของ“นายเป๊ก-เศรณี” ลูกชายคนเล็กของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และจากประวัติอาชญากรรมยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
ชุดสืบสวน ตำรวจ PCT , บช.ก. , สอท. และ ภ.5 ประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้อีก 6 ราย คือ
1. นายณัฐพงษ์ สงวนนามสกุล อายุ 36 ปี
2. นายเกียรติศักดิ์ สงวนนามสกุล อายุ 24 ปี
3. นายเดี่ยว สงวนนามสกุล อายุ 30 ปี
4. นายมณฑล สงวนนามสกุล อายุ 39 ปี
5. นายนฤนาท สงวนนามสกุล อายุ 31 ปี
6. นายอำนาจ สงวนนามสกุล อายุ 23 ปี
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีและถอนเงินที่เหยื่อโอนเข้ามา นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกหลายรายการเตรียมขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 7 ราย
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ขบวนการนี้มี นายสมพร หรือแหลม (สงวนนามสกุล) เป็นแฮกเกอร์ เคยถูกจับกุมมาแล้วและอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีอยู่ นอกจากนี้ นายสมพร ยังมีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับยาเสพติดจึงเข้าไปพัวพันกับ นายบัณฑิต หรืออ้น ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ซึ่ง ถูก บช.ปส.จับกุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ในข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ
จากนั้นมีการรวมตัวกันสร้างขบวนการ “แฮกไลน์” ขึ้นมาใหม่ โดยพัฒนากรรมวิธีการเดินบัญชีโดยใช้กลุ่มบัญชีม้าของผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มของ นายบัณฑิต (อ้น) ช่วยเดินบัญชี และขยายเครือข่ายการจัดหาบัญชีม้าและมีการสอนรูปแบบการเดินบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบให้กับเครือข่าย ซึ่งทุกคดีที่เกิดขึ้นจะมีแผนประทุษกรรมการโยกย้ายเงินเหมือนกัน ซึ่งเป็นแผนประทุษกรรมเหมือนกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ทำให้ขบวนการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยการบูรณาการร่วมกันปฏิบัติการครั้งนี้ สมบูรณ์แบบเพราะสามารถจับกุมตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับหัวหน้าขบวนการ และสามารถยึดและอายัดเงินในบัญชีของขบวนการนี้ไว้แล้ว 32 บัญชี ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
จากสถิติคดีเดือน มี.ค.-พ.ค. 65 ที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกหลอกไปแล้วกว่า 900 คดี ความเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งพบแต่ละรายที่ถูกหลอกจะเสียเงินเป็นจำนวนมาก หากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงไปแล้วให้รีบแจ้งความเข้าระบบออนไลน์ไว้ เพื่อจะได้เร่งติดตามยึดทรัพย์สินนำคืนให้กับผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด
ผอ.PCT ฝากเตือนว่า อย่าหลงเชื่อให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนที่ไม่รู้จัก และหากมีใครทักไลน์มายืมเงิน ก็ควรจะโทรศัพท์กลับไปพูดคุยก่อน หรือหากหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ให้รีบแจ้งความในระบบออนไลน์โดยเร็วที่สุด” ทั้งนี้ หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 หรือ 191 ทั่วประเทศ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com