ข่าว

"ดอกเบี้ย" และ เบี้ยปรับ "กยศ." ทำลูกหนี้ เผชิญหายนะ

"ดอกเบี้ย" และ เบี้ยปรับ "กยศ." ทำลูกหนี้ เผชิญหายนะ

13 มิ.ย. 2565

เลขาธิการพรรคประชาชาติชี้ การดำเนินการของ"กยศ." ขัดรัฐธรรมนูญที่ระบุให้เรียนฟรี กระบวนการเรียกเก็บ "หนี้" สร้างหายนะให้ผู้กู้ยืม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสเฟสบุ๊คมีเนื้อหาว่า กองทุน กยศ. ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา แต่กลับส่งต่อความความยากจนอย่างเรื้อรัง โดยเห็นว่าการดำเนินงานของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา นอกจากฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแล้วยังขัดต่อเจตนารมย์ของกฎหมาย กยศ.ด้วย

 

\"ดอกเบี้ย\" และ เบี้ยปรับ \"กยศ.\" ทำลูกหนี้ เผชิญหายนะ

 

พ.ต.ท.ทวีระบุว่า แม้มาตรา 54 วรรคหก รัฐธรรมนูญ 2560 จะบัญญัติ ให้รัฐต้อง…ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา..” และในวรรคห้า บัญญัติ ...รัฐต้องดําเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา ตามความถนัดของตน แต่จนถึงปัจจุบันผ่านใช้รัฐธรรมนูญมามากกว่า 5 ปีแล้ว ผู้ยากไร้ ในระดับอาชีวะ และชั้นปริญญาตรีหรืออุดมศึกษา ยังไม่มีกองทุนให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้เลย กองทุนเพื่อความเสมอภาคก็ดูแลเฉพาะผู้ที่ศึกษาในระดับไม่เกิน ม. 6 ที่มีงบประมาณผู้เรียนฟรีอยู่แล้ว

อาจกล่าวได้ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฯ ได้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซ้ำร้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้ สนช. บัญญัติ พ.ร.บ.กยศ. พ.ศ.2560 ขึ้นแทน พ.ร.บ.กยศ.พ.ศ. 2541 ที่เปลี่ยนแปลงหลักการจากการช่วยเหลือเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องพาณิชย์ที่มุ่งหาผลประโยชน์กับผู้ยากไร้ ทำผู้กู้เงิน กยศ เมื่อสำเร็จการศึกษาไม่มีงานทำและประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำไม่สามารถไช้หนี้ กยศ ได้ ต้องได้รับชะตากรรมขั้นหายนะจากดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่โหดร้าย ดังปรากฎจากข้อเท็จจริงที่ กยศ. ชี้แจง กลุ่มดำเนินคดี จำนวน 883,916 ราย เงินต้นค้างชำระราว 50,042 ล้านบาทเศษ ฟ้องเรียกดอกเบี้ยราว 12,467ล้านบาทเศษ และเรียกเบี้ยปรับราว 16,713 ล้านบาทเศษ รวมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเพิ่มจากเงินต้นกว่า 29,180ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็น 58.31%

กลุ่มบังคับคดี จำนวน 187,684 ราย เงินต้นค้างชำระ 16,979 ล้านบาทเศษ คิดดอกเบี้ย 2,910 ล้านบาทเศษ และคิดเบี้ยปรับ 9,923 ล้านบาทเศษ รวมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเพิ่มจากเงินต้น จำนวน 12,833 ล้านบาทเศษ หรือคิดเป็น 75.58%

 

\"ดอกเบี้ย\" และ เบี้ยปรับ \"กยศ.\" ทำลูกหนี้ เผชิญหายนะ

รวมทั้ง 2 กลุ่ม (กลุ่มดำเนินคดี กับกลุ่มบังคับคดี ) จำนวน 1,071,600 คน แบ่งเป็นเงินต้นที่ กยศ. ให้กู้จำนวนประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาทเศษ ได้เรียกดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเพิ่มจากเงินต้น จำนวน 4.2 หมื่นล้านบาทเศษ คิดเป็น 62.7% ของยอดเงินต้น (โดยที่บางรายมีเบี้ยปรับสูงกว่าเงินต้นด้วย)

 

\"ดอกเบี้ย\" และ เบี้ยปรับ \"กยศ.\" ทำลูกหนี้ เผชิญหายนะ

แม้ในขณะที่สภาผู้แทนราษฏรกำลังเร่ง ร่าง พ.ร.บ.กยศ.ฉบับใหม่ขึ้นมา บางฝ่ายก็ยังมีมุมมองต่อลูกหนี้ที่ไม่ดี ซึ่งเมื่อได้เอาข้อเท็จจริงมาแจกแจงดูจะพบได้เลยว่า กยศ. ที่สร้างหายนะกับอนาคตให้กับเยาวชน ซึ่งจะโตเป็นกำลังสมองของประเทศชาติต่อไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆที่ทาง กยศ. ได้ออกมาในช่วงวิกฤตโรคระบาดโคโรน่าไวรัส นำมาซึ่งการถูกอายัดบัญชีและยึดทรัพย์กว่าหลายหมื่นราย แม้ว่าลูกหนี้จะพยามใช้หนี้แต่กลับกลายไปตัดชำระเพียงในส่วนเบี้ยปรับ ซึ่งในบางรายสูงเท่าเงินต้น หรือมากกว่าเงินต้น เท่าตัว ลูกหนี้จึงไม่อาจหลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ หลายรายที่ท้อ และยอมโดนยึดทรัพย์ แต่ความหายนะยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อ กยศ. อาศัยกฎหมายไล่บี้อายัดบัญชีลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้หลายคนที่ลำบากกันอยู่แล้วลำบากแสนสาหัส จากต้นคิดที่ดี ในการให้โอกาสทางการศึกษา กลับกลายเป็นหายนะลูกหนี้ กยศ. ทำให้ไร้อนาคตเป็นการส่งต่อความความยากจนอย่างเรื้อรัง