"ตำรวจ" ตามรวบ หัวหน้าแก๊งตูมตาม ออกตะเวนลักรถมอเตอร์ไซค์ ทั่ว กทม.
"ตำรวจ" สืบสวนภาค 2 สืบสวนนครบาล สืบสวน บก.น.2 และทีม PCT ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ร่วมกันสืบสวน ติดตามจับกุม กอล์ฟ หัวหน้าแก๊งตูมตาม ตะเวนลักรถมอเตอร์ไซค์ ทั่ว กทม.
ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ สืบสวน ภาค2 ได้รับแจ้งเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์สูญหายจำนวนมาก จึงได้จัดทีมสืบสวน ประกอบด้วยสืบสวนภาค 2 สืบสวนนครบาล สืบสวนบก.น.2 และทีม PCT ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ดำเนินการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลการรับแจ้งและพบว่าคนร้ายมีวิธีการกระทำความผิดที่ท้าทาย คือไม่สนใจกล้องวงจรปิด แม้จักรยานยนต์ ที่จะขโมยจอดอยู่หน้ากล้องวงจรปิด และ จะก่อเหตุซ้ำๆ โดยตระเวนก่อเหตุทั่วกรุงเทพฯเกือบจะทุกวันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต อีกทั้งผู้เสียหายส่วนใหญ่ยังผ่อนชำระค่ารถจักรยานยนต์ไม่ครบ และต้องมาผ่อนทั้งๆรถจักรยานยนต์สูญหายไปไม่ได้นำมาใช้งานประกอบอาชีพ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.จึงได้เร่งสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พร้อมกำลังจาก ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 บก.สส.ภ.2 , บก.สส.น.2 , บก.สส.บชน. แกะรอยสืบสวนล่าตัวขบวนการลักรถจักรยานยนต์รายนี้ โดยชุดสืบสวนระดมไล่กล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัวเพื่อเชื่อมโยงหาตัวคนร้าย ตามโครงการกล้องวงจรปิด สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ( Smart Safety Zone 4.0 ) ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.
จึงสามารถสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย คือนายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือ กอล์ฟ หัวหน้าแก๊งตูมตาม โดย แก๊งตูมตาม ในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2553 เป็นกลุ่มคนร้ายที่ออกอาละวาทตระเวนลักรถจักรยานยนต์ ตามใบสั่ง(ออเดอร์)ที่ได้ โดยเฉพาะปี 2553 ดังกล่าวกลุ่มนี้ลักรถไปกว่า 100 คัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2553 แก๊งตูมตามได้ถูกจับกุมเนื่องจากก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ในลานจอดรถ อพาร์ทเม้นท์ ซอยรามอินทรา 34 จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ได้รับบาดเจ็บ และบุตรชายเจ้าของเสียชีวิต จนหายไปจากวงการอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งสืบพบว่านายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
ต่อมาเมือวันที่ 19 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 04.30 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT) พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 กับพวกได้นำกำลังบุกจับกุม
นายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา
ที่อยู่ 168 หมู่ที่ 5 ต.วังทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 1219/2565 ลง 18 มิถุนายน 2565
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”
โดยจับกุมตัวได้ที่ อพาร์ทเมนท์ ถ.เอกมัย 30 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ
โดยตรวจยึดพบของกลาง คือ
1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น คลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 9กผ 9456 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกอล์ฟฯยอมรับว่าพึ่งได้จากการก่อเหตุลักมาและกำลังไปซ่อน
2. รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ลีด 125 สีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4ขบ 6240 กทม. ลักมาโดยจอดทิ้งไว้บริเวณทางขึ้น BTS สถานีพหลโยธิน 59
3. อาวุธปืนพกลูกโม่ ขนาด.38 สีเงิน หมายเลขประจำปืน J 171478 หมายเลขทะเบียน กท 39133756 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด บรรจุอยู่ภายในรังเพลิง
4. อุปกรณ์ช่างใช้ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ จำนวน 8 รายการ
5. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง (พบการทำทะเบียนปลอมค้างบนหน้าจอ)
ในการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมสามารถจับกุม นายเอกลักษณ์ฯ ได้แบบคาหนังคาเขา ขณะกำลังเข็นรถที่ขโมยมาไปซ่อนในห้องพัก และจากการตรวจค้นห้องพักพบว่า นายเอกลักษณ์ฯ จะทำทะเบียนปลอมโดยการใช้โปรแกรม PHOTOSHOP แล้วปริ้นด้วยกระดาษมันให้มีขนาดเท่ากับแผ่นป้ายทะเบียนจริง จากนั้นจะนำมาใส่ในกรอบ เพื่อนำมาสวมใส่กับรถที่ขโมยมา รวมไปถึงการปลอมเล่มทะเบียนด้วยเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และจากการขยายผลการจับกุม นายเอกลักษณ์ จนต่อพยานหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนโดยให้การและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจพาชี้จุดที่เคยก่อเหตุมาทั้งหมด 34 จุด ทั่วกรุงเทพฯ
และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ลีด 125 สีแดง คันหมายเลขทะเบียน 4ขบ 6240 กทม. โดยจอดทิ้งไว้บริเวณทางขึ้น BTS สถานีพหลโยธิน 59 ซึ่งจอดทิ้งไว้ก่อนไปก่อเหตุและถูกตำรวจจับกุม และเมื่อตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่ามีการใช้ทะเบียนปลอมแบบกระดาษใส่กรอบไว้ สอดคล้องกับพยานหลักฐานการปลอมที่ค้นพบในคอมพิวเตอร์ภายในห้องพักของ นายเอกลักษณ์ฯ โดยหลังจากนี้จะมีการติดต่อประสานงานไปยังสถานีตำรวจทั่วกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อไปยังผู้เสียหายที่เคยถูก นายเอกลักษณ์ฯ ขโมยรถจักรยานยนต์ ตามจุดสถานที่นายเอกลักษณ์ฯ เคยไปก่อเหตุทั้งหมดต่อไป
โดยวันนี้สามารถติดตามผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น คลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 9กผ 9456 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถที่ นายเอกลักษณ์ฯ ก่อเหตุขโมยในคืนวันที่ถูกจับกุมและถูกเจ้าหน้าที่จับได้ขณะจะนำรถไปซ่อน โดยผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นรถของตนเองจริงและพึ่งจะถูกขโมยไป โดยผู้เสียหายได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก่อนจะเดินทางกลับ
ในชั้นจับกุม นายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ สารภาพว่า “ตนติดคุกมาเป็นเวลา 11 ปี ตั้งพ้นโทษออกมาไม่มีงานทำ เพราะเวลาไปสมัครงานจะต้องตรวจสอบประวัติ แล้วไม่มีใครรับทำงาน ทำให้ไม่มีรายได้ จึงกลับมาก่อเหตุโดยเริ่มก่อเหตุตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. 65 จนถึงปัจจุบัน โดยจะขายไปในราคาคันละ ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อคัน และทำเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจนมีความชำนาญ และอ้างว่ากระทำความผิดคนเดียว ไม่ยอมซักทอดคนอื่น”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า “คดีนี้เป็นการร่วมมือตำรวจหลายหน่วย ได้แก่ สืบสวนภาค 2 สืบสวนนครบาล สืบสวนบก.น.2 และทีมตำรวจ PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 และจากการไล่กล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายก่อเหตุลักษณะอุกอาจมากโดยมีการพกพาอาวุธปืนเพื่อใช้ในการกระทำผิดซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง และเราไม่เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุเพียงคนเดียว ท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ได้สั่งการให้รีบดำเนินการขยายผลจับกุมทั้งขบวนการโดยเร็ว ผมเห็นว่าคนที่ทำผิดแล้วไม่สำนึก ทำความผิดจนเป็นสันดาน ผมไม่ยอมให้คนเหล่านี้ออกมาเพ่นพ่านปะปนอยู่ในสังคม”