ผบ.ตร. เปิดยุทธการ ตัดไฟต้นลม ทลายขบวนการ "คอลเซ็นเตอร์"
ผลการตรวจค้นทั้งสามเป้าหมาย เจ้าหน้าที่พบบ้านเป้าหมายทั้งสาม ซึ่งดูจากภายนอกเป็นบ้านพักตามปกติ แต่กลับมีเสาส่งสัญญาณต้องสงสัย
วันที่ 21 มิ.ย. 65 เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเปิดยุทธการ ตัดไฟต้นลม ทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ชายแดนแม่สอด
หลังเจ้าหน้าที่ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนจนพบแหล่งส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ข้ามแนวชายแดนไทย-เมียนมา จำนวน 3 จุด ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเมย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่จึงวางแผนนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ เพื่อตัดตอนขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนจังหวัดตาก
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด ศปอส.ภ.6 และ สำนักงาน กสทช. ภาค 3 ได้จู่โจมเข้าปิดล้อมตรวจค้น โดยนำหมายศาลจังหวัดแม่สอด จำนวน 3 หมาย เข้าไปตรวจค้นภายพื้นที่หมู่บ้านท่าอาจ หมู่ที่ 3 และหมู่บ้านริมเมย หมู่ที่ 2 จำนวนสองจุด ซึ่งเป้าหมายทั้งสามจุดที่เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นนั้น อยู่ในพื้นที่ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ผลการตรวจค้นทั้งสามเป้าหมาย เจ้าหน้าที่พบบ้านเป้าหมายทั้งสาม ซึ่งดูจากภายนอกเป็นบ้านพักตามปกติ แต่กลับมีเสาส่งสัญญาณต้องสงสัย และผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายไทย 1 ราย และบุคคลเฝ้าเสาส่งสัญญาณซึ่งเป็นคนงานต่างด้าว 1 ราย สัญชาติเมียนมา
พร้อมตรวจยึดทลายจุดเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นชุดรับส่งสัญญาณวิทยุคมนาคมได้ทั้งสิ้น 6 ชุด เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เช่น สายนำสัญญาณและอุปกรณ์เสริมอีกจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว ผู้ต้องหาทั้งสองราย เร่งไปทำการสอบสวนขยายผลไปยังผู้บงการและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 6 พร้อม กสทช.ภาค 3 ได้ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนคดีนี้มานานหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักทั่วประเทศ จนเจ้าหน้าที่ ทราบพิกัดของกลุ่มขบวนการข้ามชาติ ได้ลักลอบส่งสัญญาณสื่อสารแบบผิดกฎหมายข้ามไปยังพื้นที่ของกลุ่มกระทำผิดซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ใช้พื้นที่แนวชายแดนอำเภอแม่สอด ได้ลักลอบใช้อาคารพาณิชย์ และบ้านเรือน ติดตั้งเสาสัญญาณส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้สัญญานอินเตอร์เน็ตขับเคลื่อน ขบวนการคอลเซ็นเตอร์เพื่อใช้หลอกลวงโทรข้ามประเทศเข้ามาหลอกลวงชาวไทย จนมีผู้เสียหายหลงกลตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ
ขณะนี้ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต มีความผิดต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
และหากตรวจพบว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อประโยชน์โดยทุจริต จะเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 7 ประกอบมาตรา 67 มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไพฑูรย์ สุขแว่น ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตาก