ข่าว

"ผมไม่เป็นศัตรูกับใคร" แต่คนในสภาฯลอบกัด เปิดใจ "เสี่ยเฮ้ง" กู้วิกฤต พปชร.

"ผมไม่เป็นศัตรูกับใคร" แต่คนในสภาฯลอบกัด เปิดใจ "เสี่ยเฮ้ง" กู้วิกฤต พปชร.

29 มิ.ย. 2565

"เสี่ยเฮ้ง" เปิดใจ มีคนในสภาฯลอบกัดข้างหลัง ยืนยันไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร ขณะที่เลือกตั้งครั้งหน้า ไม่กังวล เพราะ "สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ แต่สิ่งที่ใช่ อาจจะยังไม่เห็น"

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดใจกับคมชัดลึกออนไลน์ ถึงเรื่องความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ และเหตุการณ์ที่ตนเองถูกยัดชื่อในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันไม่รู้สึกสะทกสะเทือน แม้ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาทำได้ไม่ดี

 

นายสุชาติ เปิดเผยว่า  ขณะนี้ภายในพรรคไม่มีการขัดแย้ง อยู่ในช่วงนับถอยหลังการเลือกตั้ง สมาชิกพรรคก็รวมใจเป็นหนึ่งอยู่แล้ว จากที่คุยกับเพื่อนในพรรค ณ วันนี้ยังสนุบสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แบ่งส่วนการทำงานชัดเจน คนนึงทำงานบ้านเมือง คนนึงแก้ปัญหาภายในพรรค
 

ส่วนการเลือกตั้งหลายพื้นที่ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนน้อย  นายสุชาติ กล่าวว่า  หากถามถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานค พรรคไม่ได้ลงแข่งตั้งแต่แรก แต่ได้สก.มา 2 เขต ถือว่าเก่งมากแล้ว ยอมรับด้วยว่า การประชาสัมพันธ์ผลงานภายในพรรคยังไม่ทันตามโลกโซเชียลสมัยใหม่ แต่ยืนยันส.ส.ในพรรคแต่ละจังหวัดมีคุณภาพ 

นอกจากนี้นายสุชาติ ยังกล่าวถึงกระแสพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสาน ว่า กระแสมาแรงจริง แต่ต้องแข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย ประเมินต่ำไม่ได้ อาจจะชนะเพื่อไทยได้ เพราะพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.คุณภาพเช่นกัน  ส่วนพรรคพลังประชารัฐบอกเลยว่าหากเป็นพื้นที่ภาคอื่น ก็ไม่แพ้ใคร เพราะตามพื้นที่ต่างจังหวัดจะยึดมั่นในตัวบุคคล ที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้ยึดตามกระแสโซเชียล และยิ่งสูงยิ่งต้องทำตัวให้ประชาชนเข้าถึงได้ อย่างเช่น ตนยิ่งสูงยิ่งจะต้องทำตัวให้ติดดินและต้องทำด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เสแสร้งด้วย

ส่วนที่คนพุ่งเป้าและเสนอรายชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจโดยมีชื่อของนายสุชาติ เป็นคนสุดท้าย มองว่า ตนเป็นคนชัดเจนอยู่กับพลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตร และเป็นลูกผู้ชายสูง รู้ว่าใครทำอะไร ขั้นตอนการเสนอร่างเป็นอย่างไร แต่ไม่พูด และไม่ยกหูโทรศัพท์หาใครทั้งสิ้น แต่วันที่ตนออกมาปกป้องตัวเอง ก็อย่าร้องแล้วกัน  ซึ่งมีฝ่ายค้านหลายคนจะมาเป็นพยานว่าใครเป็นผู้เสนอรายชื่อ จาก 10 คน เป็น 11คน แต่ตนไม่ต้องการ ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเพื่อน เป็นคนรักเพื่อนพ้อง ไม่เช่นนั้นก็จัดการกับเพื่อนที่เซ็นอภิปรายไม่ไว้วางใจตนแล้ว ให้ใจตน ตนก็พร้อมที่จะให้ใจกลับไปมากกว่าด้วยซ้ำ

ส่วนที่สังคมมองว่าเป็นคนมีศัตรูรอบตัว ก็ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับใคร หากมีก็ในรัฐสภาเพียงไม่กี่คน ที่ลอบทำลับหลัง ที่ผ่านมาสู้กลับกับคนคิดไม่ดีเท่านั้นเอง ยอมรับว่ามีฝ่ายค้านเชิญไปอยู่ด้วย แต่หากไป จะยิ่งกว่าหมาเสียอีก

 

สำหรับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งหน้านั้น ไม่กังวล "สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ แต่สิ่งที่ใช่ อาจจะยังไม่เห็น" พร้อมชวนจับตาเลือกตั้ง ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลและจะทำให้มีความชอบธรรมนั้นอย่างไร ยืนยันไม่ใช่พรรคชั่วคราว แต่เป็นสถาบันพรรคการเมือง จึงฝากนักการเมืองทุกคนว่ามาเป็นผู้แทนราษฎรจะเสียประชาชน จะพูดในสภาเพื่อหักล้างหรืออะไรก็ตามเพราะหน้าที่หรือภารกิจก็ไม่เป็นไร  แต่ต้องทำให้คนรุ่นใหม่ยอมรับนักการเมืองด้วย อย่าให้มองเป็นสถาบันที่เลวร้าย