"NSDF" จับมือ "ส.ฟุตบอลไทย" พัฒนาเยาวชนตามมาตรฐานฟีฟ่า
"กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ" หรือ "NSDF" ร่วมกับ "สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย" เปิดปฐมบทใหม่เพื่อฟุตบอลไทยสู่ความยั่นยืน กับโครงการ "Grow Together" ให้เยาวชนไทยทั่วประเทศ เติบโตเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพภายใต้มาตรฐานฟีฟ่า
"กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ" หรือ "NSDF" ร่วมกับ "สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย" ในพระบรมาชูปถัมภ์ (FA Thailand) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ " Grow Together" ปฐมบทใหม่เพื่อฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืน (The Revolution of Thai Football’s Ecosystem) ภายใต้การควบคุมมาตรฐานของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ผ่านการวิจัยและประสานงานระหว่างฝ่ายพัฒนาเทคนิคของสมาคมฯ ณ ห้องไทย จิตรลดา แกรนด์บอลรูม โรงแรมแมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค กรุงเทพฯ นับเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นแห่งแรก กับการจัดวางโครงสร้างการพัฒนานักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทั้งระบบ โดยการสร้างและจัดเก็บฐานข้อมูล รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อการพัฒนาหลักสูตรการอบรมผู้ฝึกสอนอคาเดมีฟุตบอล ศักยภาพนักกีฬา และการจัดการแข่งขันลีกเยาวชน ตลอดจนการทบทวนและวิเคราะห์เพื่อนำผลที่ได้ไปปรับปรุงหลักสูตร ภายใต้มาตรฐานเดียวกันที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เปรียบเสมือนระบบนิเวศของวงการฟุตบอลไทยที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งสามองค์กร
โดยภายในงานได้ "อาร์แซน เวนเกอร์" Arsène Wenger อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซนอล หรือปัจจุบันรับหน้าที่ หัวหน้าแผนกพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า มาใช้พัฒนาวงการฟุตบอลไทย ซึ่งแวงแกร์เริ่มออกแบบโปรแกรมจากแนวคิดที่ว่า ฟุตบอลทุกชาติสามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ และทุกชาติสามารถผลิตเด็กขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพได้เหมือนเป็น Ecosystem ซึ่งการทำ Ecosystem ในการเล่นฟุตบอลให้ถูกต้อง จะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลได้ โครงการ " Grow Together" จึงเป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยสร้างนักฟุตบอล และสามารถพัฒนาศักยภาพเด็กให้เติบโตขึ้นเป็นนักฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานเดียวกัน จนทำให้ทีมชาติแต่ละชาติมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ "
ซึ่ง พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า " การที่เด็กจากแต่ละสังกัดถูกส่งลงแข่งตามรายการต่างๆ ที่จัดขึ้นสำหรับเยาวชน เช่น การแข่งขันที่จัดโดยกรมพลศึกษา ฟุตบอลลีกระดับเยาวชน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เด็กที่มีศักยภาพได้รับโอกาสในการลงแข่งขัน แต่สมาคมฯ ไม่สามารถเข้าถึงเด็กเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากไม่มีการเก็บข้อมูลนักกีฬาเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการค้นหา จึงไม่มีข้อมูลในการติดตามตัว ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการสร้างนักกีฬาเก่งๆ ให้กับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งเป็นจุดด้อยที่วิเคราะห์ได้ว่าเกิดจากการที่ระบบ Ecosystem ของวงการฟุตบอลไทยยังไม่มีมาตรฐานที่เป็นแกนกลางในการสอน ทำให้ไม่มีระบบฐานข้อมูลกลางในการเก็บข้อมูลนักกีฬา ส่งผลให้พลาดโอกาสในการดึงตัวนักกีฬาที่มีศักยภาพไปโดยไม่รู้ตัว
Website - www.komchadluek.net
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057
สมาคมฯ จึงเริ่มแก้ปัญหาด้วยการสร้างหลักสูตร (THE CURRICULUM) สำหรับประเทศไทยขึ้น โดยความร่วมมือของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย เช่นเดียวกับวงการฟุตบอลในประเทศที่พัฒนาแล้วที่จะมีเพียงหลักสูตรเดียวที่ใช้สอนเหมือนกันทั้งประเทศ เปรียบเสมือนปรัชญาของนักฟุตบอล และนำเสนอแผนงานเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มาปั้นเป็นโครงการ " Grow Together " ปฐมบทใหม่เพื่อฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืน” ที่สมาคมฯ ร่วมกับฟีฟ่าสร้างขึ้นโดยอ้างอิงข้อมูลจากการวิจัยทางด้านประชากรศาสตร์ของแต่ละประเทศ จากสภาพแวดล้อม สังคม ลักษณะการเติบโต การอยู่อาศัย อาหาร แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และออกแบบหลักสูตรเฉพาะของแต่ละชาติ ซึ่งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้รับคัดเลือกว่ามีความพร้อมที่จะนำหลักสูตรนี้มาใช้ในวงการฟุตบอล "
สำหรับ มร.เคลลี ครอสส์ ผู้แทนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กล่าวว่า " ก่อนการนำแนวความคิดที่จะมาสร้างโครงการ “Grow Together! ในประเทศไทย ทางฟีฟ่าได้ลงพื้นที่วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของวงการฟุตบอลไทยรวมถึงประเทศอื่นๆ เป็นเวลาถึง 3 ปี เพื่อเฟ้นหาประเทศที่มีความพร้อมที่สุด แล้วสรุปออกมาเป็นรายงานในการสร้างแนวทางหลักสูตรระดับชาติ (National Curriculum) ของแต่ละประเทศ จากการเข้ามาเก็บข้อมูลวิเคราะห์เส้นทางการเข้าสู่วงการฟุตบอลของเด็กไทย พบว่า เส้นทางการเริ่มต้นเข้าวงการฟุตบอลของเด็ก 1 คน แบ่งออกเป็นโรงเรียน การเล่นในทีมโรงเรียน, โรงเรียนกีฬา, อคาเดมีแบบไพรเวท เรียนเสริมเสาร์-อาทิตย์, อคาเดมีแบบคลับ ซึ่งจะมีแมวมองมักจะไปเจอเด็กที่สถานที่นี้ และดึงมาเป็นเด็กฝึกในสังกัดต่อไป "
ทางด้าน พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ ผู้แทนประธานกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า " จุดเริ่มต้นของโครงการ "Grow Togethe" ปฐมบทใหม่เพื่อฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืน” เกิดจากแนวคิดของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเล็งเห็นถึงปัญหาของเด็กไทยในวงการฟุตบอลที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุน รวมถึงเด็กบาง ส่วนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลยังขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจนทำให้ต้องละทิ้งความฝัน ทั้งที่เด็กจำนวนมากมีศักยภาพ มีความสามารถที่จะต่อยอดและพัฒนาตัวเองไปจนถึงระดับทีมชาติหรือในระดับโลกได้ กองทุนฯ จึงเกิดแนวคิดในการสานต่อความฝันของเด็กไทยให้ประสบความสำเร็จและเกิดการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยด้วยมาตรฐานใหม่ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรฟุตบอลระดับโลก
ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า ทางกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติได้จัดการประชุมหารือแสดงความคิดเห็นร่วมกันกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และฟีฟ่า เพื่อกำหนดเป้าหมายและข้อตกลงที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการสร้าง Ecosystem ที่เป็นปฐมบทใหม่เพื่อฟุตบอลไทยสู่ความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทย แก้ปัญหาการลื่นไหลในวงกว้างของวงการฟุตบอล เพื่อสร้างโอกาสให้กับเยาวชนไทยที่มีศักยภาพได้มีโอกาสเติบโตในเส้นทางจนได้เป็นนักกีฬาทีมชาติที่มีมาตรฐานอย่างมืออาชีพ และพัฒนาหลักสูตรทุกปี เพื่อทำให้เกิดมาตรฐานในวงการฟุตบอลไทยที่ดีที่สุดและเสถียรที่สุด พร้อมนำวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวไกลสู่มาตรฐานระดับโลก
คมชัดลึก ยังมีเนื้อหาสาระอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/
Youtube - https://www.youtube.com/user/KOMCHADLUEK/
Tiktok - https://www.tiktok.com/@komchadluekonline