รับได้ "กัญชา" หนุ่ม 23 บุกกรุงฯ ทำรายได้ 2.5 หมื่นบาทต่อวัน ต้องพันธุ์แบบนี้
หนุ่มวัย 23 ปี ชาว จ.สุรินทร์ เดินทางมาสร้างรายได้จากกัญชาแค่ 3 วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สร้างรายได้งามเฉลี่ยวันละ 2-3 หมื่นบาท พร้อมทั้งฝากไปถึงรัฐบาลสถานีต่อไปกัญชาเพื่อสันทนาการ
ร้านกัญชาแบบ joint หรือ "พันลำ" และ ช่อดอกอบแห้ง เป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายที่นักท่องราตรี และผู้ที่ชื่นชอบสายเขียว ต้องการมาเยือนสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านถนนราชดำเนิน โดยในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30 ปี เข้ามาซื้อหาและสอบถามราคากับพ่อค้ากันอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่ที่เริ่มตั้งโต๊ะขายในช่วงค่ำประมาณ1ทุ่ม ไปจนถึงเวลาที่สถานที่บันเทิงในย่านนี้ปิดหรือประมาณช่วงเที่ยงคืนของทุกวัน
โดยแต่ละร้านก็จะวางขายกันแบบง่ายๆ คือมีโต๊ะ1 ตัว ด้านบนก็จะวางช่อดอกกัญชาอบแห้งที่อยู่ในโหลแก้วให้ลูกค้าได้เลือกได้ตามความชอบ แล้วแต่ตามราคาเฉลี่ยเริ่มต้นหลักร้อยไปจนถึงหลักพันตามแต่สายพันธุ์ และการออกฤทธิ์เมื่อสูบเข้าไป ซึ่งที่นี่มีทั้งสายพันธุ์ไทยยอดฮิตอย่าง หางกระรอกภูพาน และสายพันธุ์จากอเมริกา ถ้าเเบบพันลำราคาก็จะย่อมเยาลงมาหน่อยอยู่ที่มวนละ100-300 บาท ที่จำแนกขายตามสายพันธุ์และความเข้มข้นของตัวกัญชาเช่นกัน
โดยร้านที่วางขายจะมีอยู่เกือบทุกจุดของถนน ทั้งตามซอกหลืบและวางขายกันอย่างเสรีตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้าไปจนถึงด้านหลังของถนนแห่งนี้
พ่อค้าหนุ่มวัย 23 ปี เดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ด้วยตัวเอง และยังมีตำแหน่งถึงประธานสมาคมสหกรณ์แห่งหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ ว่า จะเดินทางขึ้นมากรุงเทพทุกวัน ศุกร์-อาทิตย์ เพื่อมาสร้างรายได้ ส่วนกัญชาจะมีหลากหลายสายพันธุ์โดยจะเน้นสายพันธุ์ที่มาจากสหรัฐอเมริกา และมีวิธีการปลูกแบบออร์แกนิค
พ่อค้าหนุ่มได้มีการแนะนำกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ ให้เราฟัง พร้อมข้อมูลทั้งรสชาติ การออกฤทธิ์ ผลลัพธ์เมื่อสูบเข้าไป ได้อย่างมืออาชีพ โดยพ่อค้าหนุ่มได้แนะนำกัญชาสายพันธุ์แรกนั่นก็คือ สายพันธุ์ Blue Fire เป็นสายพันธุ์จากอเมริกา ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มที่ชื่นชอบ "สายเขียว" ด้วยกลิ่นบลูเบอร์รี่ พร้อมสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้นอนหลับสบาย
จากนั้นก็เป็นสายพันธุ์ Bananasicle ที่วางอยู่ข้างๆ ตามด้วยสายพันธุ์ Dorado และสายพันธุ์ คลอรีน โอจี ซึ่งทั้ง3 สายพันธุ์นี้จะมีสรรพคุณคล้ายกับตัวที่ 1 จะต่างก็เพียงกลิ่นเท่านั้น สายพันธุ์สุดท้าย คือ Rolyal Gorilla ซึ่งกัญชาตัวนี้จะแตกต่างจากตัวอื่น เมื่อดูดเข้าไปแล้วไม่ง่วง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้สมาธิในการทำงานหรือกลุ่มพวกศิลปิน
ส่วนกลยุทธ์ การขาย พ่อค้าหนุ่ม บอกว่า ต้องมีความจริงใจและมีความรู้ในการขาย เพื่อที่จะแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญต้องมีจรรยาบรรณ ถ้าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่าต่ำกว่า 20 ปี ก็จะไม่ขายให้เด็ดขาด
มาดูที่ยอดการสร้างขายในแต่ละวันกันบ้าง เมื่อเจ้าตัวบอกแล้วเราต้องถึงกับอึ้ง อัตราเฉลี่ยต่อวันมีสูงถึงวันละ 20000 – 30000 บาท โดย 1 สัปดาห์เขาจะหารายได้ย่านสถานบันเทิงแห่งนี้ได้เพียง 3 วัน คือ วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งรายได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเยอะพอสมควร สำหรับพ่อค้าหนุ่มวัย 23 ปี
ส่วนมุมมองในเรื่องกัญชาเสรีนั้น เขามองว่า เป็นเรื่องดี ถือว่ารัฐบาลมาถูกทาง ไม่ใช่มองจากความชื่นชอบของตัวเอง แต่มองโดยภาพรวมที่คนไทยจะได้ในประโยชน์ในเรื่องนี้ เพราะหากจะมองกันจริงๆแล้ว กัญชาถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์ แต่ภาพจำของมันกลับถูกมองเป็นผู้ร้ายในฐานะยาเสพติด ทั้งที่จริงแล้ว กัญชามีสรรพคุณในการรักษาโรค ที่ใช้ทางการแพทย์ อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่ใช้ที่ปรุงอาหารให้มีรสชาติกลมกล่อมขึ้นอีกด้วย
ในขณะที่ตัวเขาเองนั้นก็มองว่า ได้ประโยชน์โดยตรง เพราะเมื่อก่อนต้องยอมรับว่าขายแบบหลบๆซ่อนๆ หรือขายแบบใต้ดิน แต่ตอนนี้เมื่อมีการ "ปลดล็อกกัญชา" ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูกันระยะยาว ว่าภาครัฐจะสนับสนุมากน้อยแค่ไหน อีกอย่างคือต้องรอดูกฎหมายลูกที่กำลังจะออกมา ว่าจะมีมาตรการควบคุมหรือป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่เขาอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กลับไปคิดทบทวน นั่นก็คือใช้ในเชิงสันทนาการ เพราะเขามองว่าหากทำได้จะสามารถนำเม็ดเงินเข้าประเทศได้อีกมหาศาลจากชาวต่างชาติ โดยสันทนาการในที่นี้ต้องมีสถานที่ที่ได้รับอนุญาตและมีกฎหมายรองรับในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนคนที่ยังคัดค่านในเรื่องนี้ เขาก็ได้บอกว่า ผู้คนที่ใช้หรือดูดกัญชามายังไม่เคยไปจี้ ปล้นใคร ไม่เคยไปก่อความเดือดร้อนรำคาญ ส่วนตัวมองว่า หากคนไทยรู้จักใช้ และรู้จักกัญชาอย่างดีพอ ก็เชื่อว่าปัญหาต่างๆที่สังคมหวาดกลัวอาจจะไม่เกิดขึ้น หากจะเปรียบเทียบกันเพื่อให้เห็นภาพชัดๆ เขามองว่า เหล้า อันตรายกว่ากัญชาหลายเท่า เพราะดื่มไปแล้วจะควบคุมสติไม่อยู่ จนนำไปสู่อบัติเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและทรัพย์สิน ที่เป็นข่าวให้ได้เห็นกันเกือบทุกวัน
ส่วนทางด้านสาวก "สายเขียว" ที่เป็นลูกค้า ก็มองเรื่องกัญชาเสรีว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะประเทศไทยจะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางการแพทย์ ที่ผลพลอยได้ก็จะตกไปอยู่กับชาวบ้านด้วย นอกจากนี้ ยังมองว่ากัญชา จะสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้จำนวนมหาศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องมีกฎหมายควบคุมเป็นอย่างดี ไม่ใช่กลายเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชนในรูปแบบสินค้าต่างๆที่ออกมาจำนวนมากและมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆเกือบทุกประเภท
เอาหละ คราวนี้เรามาดูข้อมูลทางฝั่งวิชาการกันบ้าง สวนดุสิตโพล เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เปิดเผยผลสำรวจจากประชาชน พบว่า หลังจากมีการปลดล็อกกัญชา ประชาชนร้อยละ 37.78 รู้สึกค่อนข้างวิตกกังวล ร้อยละ 52.76 มองว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี สำหรับประชาชนที่มองว่าเป็นผลดี คือ เป็นการใช้ประโยชน์จาก กัญชารักษาทางการแพทย์ ร้อยละ 74.96 ส่วนความกังวล คือ ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ที่เหมาะสม ร้อยละ 84.58 สิ่งที่ควรดำเนินการ ณ วันนี้ คือ จำกัดการใช้โดยเฉพาะเยาวชน สถานศึกษาควรเป็นแหล่งปลอดกัญชา ร้อยละ 88.38 ทั้งนี้ประชาชนคิดว่าการปลดล็อกกัญชาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน ร้อยละ 60.54
ส่วนข้อมูลจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รายงานสถิติการเข้าใช้งาน "แอปพลิเคชันปลูกกัญ" เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ว่ามีประชาชนเข้าใช้งานระบบ 41,825,920 ล้านครั้ง ลงทะเบียน 934,629 คน ออกใบรับจดแจ้งกัญชาแล้ว 905,574 ใบ และออกใบรับจดแจ้งกัญชง 29,055 ใบ
ปลดล็อกกัญชาเสรี ท้ายที่สุดแล้วจะสวยงามตามที่รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งที่พยายามผลักดันมาตั้งแต่ต้น เสมือนเป็นเจ้าของนโยบายวาดฝันไว้ หรือวันนี้อาจจะเป็นไปตามความวิตกกังวลของสังคมว่าอาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี สิ่งเหล่านี้ยังนี้ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่สำคัญกฎหมายลูกเกี่ยวกับ พ.ร.บ.กัญชา ก็ยังไม่คลอด ที่จะส่งผลโดยตรงกับส่วนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพในทางธุรกิจ ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง และยาสมุนไพร และยังคงต้องขออนุญาต ที่สำคัญกฎหม่ายลูกที่กำลังจะออกมาในไม่ช้านี้ คงต้องหวังว่าจะครอบคลุมและรอบคอบให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอกอีกรอบ และอีกอย่างที่ประชาชนสะท้อนมานั่นก็คือ กัญชาเสรีประชาชนคนไทยทุกคนควรได้ประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ไม่ใช่ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับนายทุนเพียงไม่กี่เจ้าเหมือนที่ผ่านมา