ญาติเผยปูมหลังวัยเด็ก "มือปืนสังหารอาเบะ" ชีวิตพลิกผันเพราะกลุ่มศาสนา
อัปเดตข้อมูลมือปืนผู้ลั่นกระสุนสังหารอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ ญาติเล่าปูมหลังวัยเด็ก เคยไม่มีจะกิน แม่ล้มละลายแต่ก็ยังไม่เลิกบริจาคกลุ่มศาสนา
ความคืบหน้าการสอบสวน นายเท็ตสึยะ ยามางามิ ผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ด้วยการใช้ปืนทำเองยิงจากด้านหลัง ขณะนายอาเบะยืนหาเสียงช่วยลูกพรรคบนถนน เมืองนารา ทางตะวันตกเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ตำรวจยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ แต่สื่อญี่ปุ่น รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวออกมาเป็นระยะ มูลเหตุจูงใจของการก่อเหตุช็อกโลกคือการที่เขาเชื่อว่า นายอาเบะ ส่งเสริมกลุ่มศาสนากลุ่มหนึ่งที่เขาแค้นฝังใจ เพราะแม่บริจาคเงินให้กับกลุ่มนี้จนครอบครัวของเขาล่มสลาย แต่ตำรวจไม่เปิดเผยชื่อกลุ่มนั้น
ล่าสุด อาซาฮี สื่อญี่ปุ่น อ้างคำบอกเล่าของญาติคนหนึ่ง โดยไม่เผยชื่อแต่ระบุว่าเป็นชายวัย 70 ปีเศษ อาศัยที่จังหวัดโอซากา ว่า ยามางามิประสบกับความยากลำบากในวัยเด็ก หลังจากที่แม่ของเขาเข้าไปร่วมกับกลุ่มศาสนา ยามางามิอาศัยในเมืองนารากับพ่อแม่ พี่ชายและน้องสาว พ่อเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างแต่เสียชีวิตตอนที่เขายังเด็ก แม่เข้ามารับช่วงต่อ แต่หมกมุ่นกับกิจกรรมศาสนา และบริจาคเงินจำนวนมากให้กับกลุ่มนี้
(ถูกนำตัวไปยังสำนักงานอัยการเมื่อเช้าวันนี้ 10 ก.ค.)
ญาติคนนี้ กล่าวว่า แม่ของยามางามิที่กลายเป็นหญิงม่าย อาจพยายามหาหลักยึด ขณะรู้สึกเคว้งคว้าง วิตกอนาคตครอบครัว จากนั้นไม่นาน เขาเริ่มได้รับโทรศัพท์จากเด็ก 3 คน ว่า “พวกเราไม่มีอะไรจะกินเลยที่บ้าน” เขาให้เงินเด็ก ๆ ไปใช้จ่ายบ้าง และบางครั้งก็ส่งอาหารไปให้ อย่างไรก็ดี ยามางามิได้เข้าโรงเรียนมัธยมแถวหน้าในเมืองนารา จากนั้น เรียนต่อในวิทยาลัยเทคนิค
เมื่อจบแล้ว สมัครเข้ากองกำลังป้องกันตนเองทางเรือ ในปี 2545 ปีเดียวกับที่ศาลแขวงนาราประกาศให้แม่เป็นบุคคลล้มละลาย ญาติคิดว่า ที่ยามางามิตัดสินใจไปเป็นสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเอง เพราะต้องหาเลี้ยงชีพ เขาพบยามางามิหลังสุดในปี 2548 ส่วนบริษัทก่อสร้างที่แม่บริหาร ถูกยุบในปี 2552 ญาติเชื่อว่ายามางามิเก็บงำความแค้นตลอดมา โทษว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเพราะกลุ่มนั้น
หลังถูกจับกุม ฆาตกรวัย 41 ปี บอกพนักงานสอบสวนว่า “ผมไม่สามารถให้อภัยกลุ่มนี้ได้ เพราะแม่ของผมยังให้เงินคนพวกนั้น ขนาดล้มละลายแล้ว” และ “ผมพยายามจัดการกับหัวหน้ากลุ่มศาสนานี้ แต่มันยาก และคิดว่าอาเบะมีความเกี่ยวข้อง”
ยามางามิ ขึ้นทะเบียนกับบริษัทจัดหาพนักงานชั่วคราวแห่งหนึ่งในโอซากา และเคยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในเกียวโต ข้อมูลเพิ่มเติมจากหัวหน้าและพนักงานอาวุโสอีกคนที่โรงงานดังกล่าว ระบุว่า ยามางามิเข้าไปทำงานที่โรงงานเมื่อตุลาคม 2563 มีหน้าที่ขับรถโฟล์คลิฟต์ขนยกสินค้า เป็นคนพูดน้อย แต่ก็ดูเป็นคนปกติธรรมดามาก และทำงานเอาจริงเอาจัง หากคุยเรื่องงาน ยามางามิจะตอบ แต่ไม่เคยพูดชีวิตส่วนตัว กินข้าวกลางวันลำพังในรถของเขา
"มีปัญหาในการทำงานจากสิ่งที่เขาทำบ้าง แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะกลายเป็นเหตุรุนแรง เขาดูไม่ใช่คนที่จะไปทำเรื่องใหญ่อะไรแบบนี้เลย" อดีตเพื่อนร่วมงานกล่าว
การทำงานราบรื่นดีจนผ่าน ไปครึ่งปี จึงเริ่มมีปัญหา เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ยามางามิมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานที่ย้ำให้เขาทำตามกฎระเบียบในการทำงาน หลังจากทะเลาะกัน ยามางามิเริ่มขาดงาน บางครั้งอ้างว่ามีปัญหาโรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เขาใช้วันลาจนครบ ก่อนแจ้งผ่านบริษัทจัดหาพนักงานว่า เขาต้องการลาออก สัญญาจ้างเพิ่งสิ้นสุดเมื่อ 15 พ.ค.