"ตำรวจ"รวบตัวแม่แท้ๆพาลูกสาววัย 9 ขวบ ขายบริการพร้อมผู้ซื้อ | คมชัดลึก

จากกรณีโลกออนไลน์เผยแพร่คลิปวิดีโอการร่วมเพศของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี ซึ่งถูกถ่ายโดย นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ25 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ของ ด.ญ.บี จนเกิดกระแสดราม่าอย่างหนัก ซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่สังคม

ล่าสุด พล.ต.ท.จิรภพ ภูิริเดช ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี หลังจากเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.65) เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปคม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระบุรี, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนพุด, เจ้าหน้าที่กระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสระบุรี ได้ไปตรวจสอบบ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ที่ปัจจุบันบุคคลทั้ง 2 พักอาศัยอยู่ด้วยกัน

จนล่าสุดมีผู้ต้องหาชายรายหนึ่ง อายุ 32 ปี ได้ติดต่อมาหาแม่ เพื่อขอมาถ่ายรูปกับเด็ก แม่ยินยอมโดยคิดราคา 500 บาท นัดเจอกันที่โรงแรมในจังหวัดนครปฐม โดยให้พ่อเลี้ยงของเด็ก 9 ขวบมาส่ง   เพื่อไปขึ้นรถผู้ต้องหาทั้งนี้ระหว่างที่ถ่ายรูป ผู้ต้องหากลับกระทำอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก โดยแม่บอกว่าไม่สามารถขัดขืนได้ เนื่องจากโดนผู้ต้องหาข่มขู่ว่าหากแจ้งความ หรือเรื่องแดงออกไปจะนำไปแฉให้คนทั่วไปทราบเรื่อง แต่จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่าแม่ยินยอมและเป็นผู้ถ่ายคลิปด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าคำให้การขัดกัน แต่จากแนวทางการสืบสวนพบว่าขณะเกิดเหตุแม่ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนหรือห้ามปราบปรามไม่ให้มีการกระทำกับลูก 

ทั้งนี้จากการสอบสวนพบว่าแม่อยู่ในวงการและมีพฤติกรรมขายคลิป ภาพอนาจารมาอย่างยาวนาน ส่วนที่กล่าวอ้างว่าหยุดถ่ายคลิปใหม่มานานแล้วไม่เป็นความจริง เพราะจากการสืบสวนพบว่ายังมีการถ่ายคลิป ภาพอนาจารจนถึงปัจจุบัน 

เบื้องต้นตำรวจจะแจ้งข้อหาแม่ฐานค้ามนุษย์จากการค้าประเวณีเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี / ร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี / ส่วนผู้ชายอีก 2 คน จะถูกแจ้งข้อหาร่วมกระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี / ร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี / ครอบครองสื่อลามกอนาจาร 

อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ยังกล่าวอีกว่า จากการสอบแม่ให้การว่าที่ต้องขายคลิปลูกเพราะบ้านบากจน ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง พร้อมฝากเตือนไปถึงประชาชนที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้อย่าหากินกับลูก เพราะไม่ว่าจะใช้เหตุผลอะไรเมื่อกระทำความผิดก็ถือว่าผิด และต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย