ศึก แดงเดือด "แมนยู-ลิเวอร์พูล" จบลง แต่มีอะไรมากกว่าแค่เตะปรีซีซั่น
จบการแข่งขันฟุตบอลใน THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 หรือ " แดงเดือด" ที่ประเทศไทย ด้วยการที่ทั้งสองทีม "แมนยู-ลิเวอร์พูล " สู้กันได้แบบเต็มที่ โดยทั้งสองทีมถือเป็นคู่ปรับตลอดการที่โคจรมาพบกันครั้งนี้ ซึ่งมากไปกว่านั้น ปีศาจแดง และ หงส์แดง ต่างมีการบ้านที่ต้องแก้ไข
หลังจาก ศึก "แดงเดือด" ฟุตบอลรายการ "THE MATCH Bangkok Century Cup 2022" หรือ THE MATCH ระหว่าง "แมนยู-ลิเวอร์พูล" ที่ลงทำการแข่งขัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งทั้งสองทีมดังจากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างไม่ยอมกัน เพราะเป็นแมตช์ที่บ่งบอกถึงศักดิ์ศรีของทีม ถึงแม้ว่าผลจะจบลงในครั้งนี้ เป็นฝ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ถึง 4-0 ก็ตาม แต่รายละเอียดของเกมมีมากกว่านั้น
โดยเริ่มจาก การจัดตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ในเกมนี้แบ่งผู้เล่นลงสนามเป็นสองชุด คือ 11 ผู้เล่นตัวจริง ดาบิด เด เคอา , ดีโอโก้ ดาโลต์ , ราฟาแอล วาราน , วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ , ลุค ชอว์ , สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ , เฟร็ด , เจดอน ซานโช่ , บรูโน่ แฟร์นันด์ส , มาร์คัส แรชฟอร์ด , อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ก่อนที่ครึ่งหลังจะมีการส่งผู้เล่นชุดที่ 2 หรือ สำรองลงมาสัมผัสเกมนี้ ประกอบไปด้วย เอริค ไลยี่ , ไทเรลล์ มาลาเซีย , อาหมัด ดิยัลโล่ , อเล็กซ์ เตลลิส , ฟากุนโด เปยิสตรี , , แอรอน วาน-บิสซาก้า , ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค , แอนโธนี่ อีแลงก้า , ซีดาน อิคบาล , ชาร์ลี ซาเวจ และ ทอม ฮีตัน
ทางฝั่ง "ลิเวอร์พูล" ของ เจอร์เกน คลอปป์ ผจก.ทีม แบ่งเป็นผู้เล่นทั้งหมด 3 ชุด ประกอบไปด้วย 11 ผู้เล่นตัวจริง อาลีสซง เบ็คเกอร์ , ไอแซ็ก มาบาย่า , โจ โกเมซ , เนธาเนียล ฟิลลิปส์ , ลุค แชมเบอร์ส , ไทเลอร์ มอร์ตัน , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ , ฟาบิโอ คาร์วาลโญ่ , โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ , หลุยส์ ดีอาซ ผุ้เล่นชุดที่ 2 ถูกเปลี่ยนลงในนาทีที่ 30 บ็อบบี้ คลาร์ก , เจมส์ มิลเนอร์ , รีส วิลเลียม , โจเอล มาติป , เลห์ตัน คลาร์กสัน , อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน , คอสตาส ซิมิคาส , สเตฟาน บาเซติก , เคอร์ติส โจนส์ , เมลคามู เฟราเอนดอร์ฟ รวมถึงชุดที่ 3 ถูกส่งลงมาในนาที 60 อาเดรียน , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค , ฟาบินโญ่ , เธียโก้ อัลคันทาร่า , อิบราฮิม โคนาเต้ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน , เทรนต์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ , นาบี เกอิต้า , โทมัส ฮิลล์ , ดาร์วิน นูเญซ และ โฒฮาเหม็ด ซาลาห์
โดยการลงแข่งขันฟุตบอลระดับมืออาชีพถึงแม้จะเป็นแค่การทัวร์ปรีซีซั่น หรือ การแข่งขันแบบอุ่นเครื่องกระชับมิตร แต่ความเข้มข้น คือการทดสอบระบบการเล่นของทีม , ความพร้อมก่อนเริ่มแข่งขันฤดูกาลหน้า ซึ่งทั้ง แมนยู และ ลิเวอร์พูล ต่างมีโปรแกรมลงทำการแข่งขันแต่ละสโมสรไม่ต่ำกว่า 45 เกม ทั้ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ คาราบาว คัพ หรือ เอฟเอ คัพ และฟุตบอลยุโรป เป็นต้น
การได้ดูฟอร์มนักเตะจึงเป็เรื่องสำคัญมาก รวมไปถึงระบบของทีมที่ต้องเร่งปรับปรุงแก้ไข ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งหากทีมใดมีความพร้อม ในช่วงก่อนออกสตาร์ทย่อมเจอกับ อุปสรรค์ ในการแข่งขันน้อย รวมถึงบรรดาดาวรุ่งของทีม ที่จะใช้ช่วงการอุ่นเครื่องเป็นการโชว์ฟอร์มให้เห็นถึงความสามารถ กับการได้รับโอกาสลงเล่นมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมถัดไปของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 15 ก.ค. พบ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ทีมจากลีกสูงสุดประเทศออสเตรเลีย แข่งขันที่ เมลบิร์น,ออสเตรเลีย , 19 ก.ค. พบกับ : คริสตัล พาเลซ ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก แข่งขันที่ เมลเบิร์น,ออสเตรเลีย , 23 ก.ค. พบกับ แอสตัน วิลล่า ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก แข่งขันที่ เพิร์ธ,ออสเตรเลีย , 30 ก.ค. พบ แอตเลติโก้ มาดริด ทีมจากลาลีกา สเปน แข่งขันที่ ออสโล,นอร์เวย์ และ 31 ก.ค. พบ ราโย บาเยกาโน่ ทีมจากลาลีกา สเปน แข่งขันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อังกฤษ ส่วนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีโปรแกรมลงแข่งขันพบ ไบรท์ตัน วันที่ 7 ส.ค. โดย แมนยู เล่นเป็นเจ้าบ้าน
ส่วน ลิเวอร์พูล 15 ก.ค. พบกับ คริสตัล พาเลซ ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก แข่งขันที่สิงคโปร์ , 21 ก.ค. พบกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมจากบุนเดสลีกา เยอรมัน แข่งขันที่เยอรมัน 27 ก.ค. พบกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีม จากออสเตรีย ที่ เร้ดบูลล์ อารีน่า ออสเตรีย , 31 ก.ค. พบ สตาร์สบูร์ก ทีมจากฝรั่งเศส แข่งขันที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ยังมีโปรแกรมพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฟุตบอลคอมมิวนิตี้ ชิลด์ วันเสาร์ที่ 30 ก.ค. ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ก่อนลงเล่นเกมแรก พรีเมียร์ลีก 6 ส.ค. ด้วยการออกไปเยือน ฟูแล่ม