ข้องใจงบเบิกจ่าย "รถประจำตำแหน่ง" นายทหาร สูงเกินจริง
"สมชัย ศรีสุทธิยากร" ในฐานะรองประธาน กมธ. พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี2566 ตั้งข้อสงสัย งบเบิกจ่ายค่ารถประจำตำแหน่งกระทรวงกลาโหมสูงกว่ากระทรวงอื่น รวมถึงมีตำแหน่งลอยอีกมาก
หลังจากเมื่อวานนี้ 18 ก.ค. มีการการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 197,292,732,000 ล้านบาท โดยมีการอภิปรายหลายประเด็น เช่น งบซื้ออากาศยานไร้คนขับ หรือ ยูเอวี งบบุคลากร งบยุทโธปกรณ์ เป็นต้น แต่ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจกัน คือ สิทธิประโยชน์ของข้าราชการทหาร โดยเฉพาะระดับนายพล ที่มีการเบิกค่ารถประจำตำแหน่ง โดยพล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ตำแหน่งระดับรองนายพล รองเจ้ากรม เช่น พันเอกพิเศษ เดิมมีรถให้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนให้เบิกเป็นค่ารถแทนเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนกระทรวงอื่น
ส่วนปลัดกระทรวงกลาโหม รองปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยืนยันไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เป็นรถที่เสริมสร้างการปฏิบัติงาน มีระบบสั่งการสามารถควบคุมการทำงานเพื่อตอบสนองภารกิจเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องจัดหารถที่มีสมรรถนะสูง ไม่ได้ใช้งบลับ หรืองบพิเศษ เป็นงบปกติทั่วไป
ต่อมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย และในฐานะรองประธาน กมธ. ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
คำตอบจากกองทัพ มีดังนี้
1. รถเบนซ์ S500 ที่นายทหารระดับสูงใช้ ไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เรียกว่า “รถควบคุมการสั่งการ” เป็นรถสมรรถนะสูง ที่ใช้งบปกติจัดซื้อ โดยต้องทำการตกลงกับสำนักงบประมาณเป็นรายการไป
2. ส่วนอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนค่ารถประจำตำแหน่งของนายทหาร มีอัตราตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง คือ พันเอกพิเศษ 25,400 บาท พลตรี 31,800 บาท พลโทขึ้นไป 41,000 บาท เป็นอัตราที่จ่ายตามปกติ
ประเด็นอภิปรายต่อของผม คือ
1. แปลว่า นายทหารระดับสูงจะมีรถ 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งตาม spec. ราชการ อีกคันเป็นรถหรู เรียกว่ารถควบคุมการสั่งการ จึงขอให้ส่งจำนวน รถควบคุมสั่งการทั้งหมดที่มีว่ามีจำนวนเท่าใด และจัดซื้อโดยเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณใดบ้าง
2. แม้อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งจะเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่การเทียบตำแหน่งของกองทัพกับพลเรือน ทำให้กองทัพมีจำนวนตำแหน่งที่ต้องจ่ายมากกว่ามาก เช่น กระทรวง มีปลัดกระทรวง ได้ 1 คน แต่กองทัพตีเทียบเท่าพลโท ขึ้นไป ดังนั้น เท่ากับ กองทัพสามารถเบิกในอัตราปลัดกระทรวงได้ หลายร้อยคน ถือเป็นความเหลื่อมล้ำในราชการอย่างมาก
3. ขอเอกสาร กำลังพลในตำแหน่ง พลตรี พลโท พลเอก ที่มีในปัจจุบัน แยกเป็นที่มีหน่วยงานรองรับ และ ที่เป็นตำแหน่งลอย เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ว่ามีจำนวนเท่าไร เป็นเอกสารด้วย
ล่าสุด เช้าวันนี้ 19 ก.ค. นายสมชัย โพสต์จี้เรื่องดังกล่าวต่อเนื่อง โดยได้ขอเอกสารจากกระทรวงกลาโหมถึง จำนวนรถควบคุมสั่งการว่ามีเท่าไหรกันแน่ โดยระบุว่า
1.ขอเอกสารจากกองทัพบก ว่า มีรถหรูที่ตั้งชื่อว่า “รถควบคุมสั่งการ” ว่าในกองทัพบกขณะนี้ มีจำนวนกี่คัน จัดซื้อมาในปีงบประมาณใด เป็นจำนวนเงินเท่าไร และเป็นการขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณเดิมจากรายการใด เนื่องจากไม่เคยปรากฏรายการครุภัณฑ์ชื่อนี้ ในเอกสารงบประมาณที่ส่งสภาเลย (ขอข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี)
2. ขอเอกสารจากสำนักงบประมาณ ว่า ทางกองทัพบก เคยมีหนังสือขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ เพื่อนำไปจัดซื้อ “รถควบคุมสั่งการ” จำนวนกี่ครั้ง ในปีงบประมาณใดบ้าง เป็นจำนวนเงินเท่าไร และเป็นการขอเปลี่ยนจากรายการงบประมาณใด (ขอข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี)
3. ความจริงประธานที่ประชุม (คุณวราเทพ) ยุว่า ทำไมไม่ขอย้อนหลังสัก 20 ปี แต่ผมว่า 10 ปี ตั้งแต่ 2555 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่อยากให้เป็นภาระในการทำงานของราชการ
4. กมธ. แจ้งหน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยขอให้ส่งเอกสารที่ขอภายใน 3 วันทำการ ก็ไม่ต้องรีบครับ ส่งมาวันจันทร์ที่ 25 ก.ค.ก็ได้ หากไม่ตีตรา “ลับมาก” ก็จะมารายงานประชาชนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครับ
ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Website - www.komchadluek.net
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057