"ชัยวุฒิ" โต้กลับ "ฝ่ายค้าน" กล่าวหา รัฐบาลใช้สปายแวร์ล้วงข้อมูลประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปฏิเสธร รัฐบาลใช้สปายแวร์แฮ็กข้อมูลกลุุ่มตรงข้าม ประเทศไทยมีกฎหมายคอมพิวเตอร์ดูแลอยู่
กรณีที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในประเด็นที่รัฐบาลซื้อสปายแวร์ เพกาซัส เพื่อใช้ล้วงข้อมูลประชาชน โดยหยิบยกรายงานของไอลอว์ ที่ระบุว่า มีนักวิชาการ นักกิจกรรม และนักสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 30 คน ถูกแฮ็กโดยระบบดังกล่าว
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายชัยวุฒิ มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ข้อมูลสปายแวร์เพกาซัสที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาอภิปรายนั้น ไม่มีความชัดเจน ว่า ในประเทศไทยมีข้อมูลการแจ้งเตือนในระบบเชิงลึกว่ามีการใช้สปายแวร์ ซึ่งการโจรกรรมข้อมูลอาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ และประเทศไทยก็มีพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ดูแลการใช้ข้อมูลอยู่ รัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สปายแวร์ ขณะเดียวกันยอมรับว่า ระบบการดักฟังข้อมูลล้วงความลับในบางประเทศมีอยู่จริง แต่เพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งยังไม่พบข้อมูลว่า มีการใช้ระบบดังกล่าวในประเทศไทย
นอกจากนี้วันนี้ นายชัยวุฒิยังได้เป็นประธานเปิดงาน สัมมนา หัวข้อ “PDPA บังคับใช้...อะไรที่ต้องพร้อม” จัดขึ้นโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมหาวิทยาลัยหอกาค้าไทย ยืนยันว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกฎหมายที่ให้มีความปลอดภัยกับประชาชนและยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะกับนักลงทุนต่างประเทศ หากมีความมั่นใจในกฎหมายจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำได้ดีขึ้น โดยกฎหมายดังกล่าวจะไม่สร้างผลกระทบกับธุรกิจขนาดเล็กโดยมีข้อยกเว้นสำหรับ SMEs เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน ตั้งแต่ที่มีการบังคับใช้ (1 มิ.ย.) ยังไม่เกิดการฟ้องร้องให้มีความเสียหายในวงกว้าง