"บุกจับ" เลขา CEO ฟาร์มเห็ดทิพย์ และออกหมายจับ 8 ผตห. เสียหายกว่า 1,290 ล้านบาท | คมชัดลึก

จากกรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ บช.สอท. เร่งรัดการสืบสวน หลังมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัทธุรกิจฟาร์มเห็ดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสกลนคร ที่หลอกชักชวนคนนำเงินมาลงทุนทำฟาร์มเห็ด ในรูปแบบฝากเลี้ยงเห็ด คล้ายกับผู้ลงทุนเป็นเจ้าของโรงเพราะเห็ด ฟาร์มจะเป็นผู้ดูแลให้ โดยผู้ลงทุนแค่ออกเงิน ให้ผลตอบแทนสูง 18-30% ต่อเดือน มีการนำดาราผู้มีชื่อเสียงมาโฆษณาทำให้น่าเชื่อถือ ช่วงแรกมีการปันผลจริง แต่ต่อมาผิดนัดสัญญา เมื่อสอบถามทางบริษัทอ้างว่าธนาคารอายัดบัญชีจึงไม่สามารถจ่ายให้กับผู้ลงทุนได้  มูลค่าความเสียหายขณะนี้กว่า 1,200 ล้านบาท

 

จากนั้น ตำรวจ บช.สอท. ได้รับเรื่อง จึงทำการตรวจสอบทันที ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่า ระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2564 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2565 นายฐานวัฒน์ หรือ เฮียเต่า กับพวกได้แก่  ได้ร่วมกันออกอุบายชักชวนเหยื่อผ่านสื่ออีเล็กทรอนิกส์ และมีพฤติการณ์เข้าข่ายหลอกลวง

 

ล่าสุดวันนี้ (3 ส.ค. 65) มีรายงานว่า พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 นำกำลังตำรวจ บช.สอท. พร้อมหมายตรวจค้น 3 จุด และหมายจับจากศาลจังหวัดสกลนคร 8 หมายจับ บุกจังหวัดสกลนคร ก่อนจะแแบ่งกำลัง และลงพื้นที่ตรวจค้นหลายเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น Turtle Farm หรือ บริษัทเห็นเต่า หรือ โรงเพาะเห็ด หรือ บ้านพักของผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งตำรวจ "บุกจับ" ผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ น.ส.ประภากร อายุ 25 ปี เป็นเลขาของ CEO ฟาร์มเห็ด ที่ขณะนี้มีรายงานว่า ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

 

 

 

 

จากการ "บุกจับ" ตรวจค้นฟาร์มเพาะเห็ด พบว่า มีการสร้างโรงชำเห็ดเป็นโครงสร้างสีขาว ประมาณเกือบ 50 โรง ส่วนใหญ่ภายในโรงชำเป็นพื้นที่ว่างเปล่า  หรือบางโรงที่มีการปลูกเพาะเห็ดข้างในโรง ก็พบว่าเห็ดเริ่มเน่าเสียแล้ว ตำรวจจึงได้อายัดฟาร์มเห็นและบริษัทไว้ตรวจสอบ

 

 

สำหรับคดีนี้ ศาลจังหวัดสกลนครได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย

1. นาย ฐานวัฒน์ อายุ  26 ปี

2.นางสาว พลอยฐิตา    อายุ 31  ปี

3. นางสาว นันทวดี  อายุ  29  ปี

4. นางสาว ฐิตารีย์  อายุ  29 ปี

5.นางสาว ประภากร อายุ 25 ปี

6.นางสาว จัณฑิกา อายุ  29 ปี

7. นางสาว อนัญญา อายุ 23 ปี

8.นางสาว ศิลป์สุภา  อายุ  23 ปี

 

 

 

 

โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา ความผิดการกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าว เป็นการกระทำผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน  และนำเข้าสู้ระบบซึ่งข้อความอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันเป็นความผิด  ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 พระราชกำหนด การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน  พ.ศ.2527 มาตรา 3 , 4 , 5 , 12 พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 4 , 14(1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

 

 

 

ทั้งนี้มีประชาชนได้รับความเสียหายโดยมีการร้องทุกข์ ผ่านพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร และแจ้งความออนไลน์ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com จำนวน 1,885 ราย ความเสียหาย 1,290,483,471.16 บาท ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับคดีนี้ไว้เป็นคดีเทคโนโลยี และจะ "บุกจับ" ผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป