ผบช.น ตั้งกรรมการสอบ ชุดตั้งด่านค้น"ดาราสาวไต้หวัน"
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งตั้งกรรมการสอบ ตำรวจชุดตั้งด่านตรวจ "ดาราสาวไต้หวัน" ยันไม่มีใครยัดบุหรี่ไฟฟ้าให้เจ้าตัว ย้ำไม่ปกป้องหากตำรวจทำผิดจริง ฟันทั้งวินัย-อาญา เตรียมประสานทางการไต้หวัน เชิญดาราสาวมาสอบ
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมความคืบหน้าคดีสาวชาวไต้หวัน อ้างถูกตำรวจตั้งด่านรีดทรัพย์ดาราสาวชาวไต้หวัน กว่า 2 ชั่วโมง ยืนยันว่าขณะนี้ สอบปากคำพยาน ไปแล้ว กว่า 10 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจ 6-7 คน ,คนขับรถรับจ้าง ,คนขับรถแท็กซี่ และพยานจากสถานบันเทิงที่นักท่องเที่ยวสาวไปใช้บริการอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับรถรับจ้าง และกล้องคอมแบทคาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม
โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ตามพ.ร.บ.ศุลกากร ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเพื่อนชาย ทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเกิดเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 และ วันที่ 9 มกราคม โดยเดินทางตามสาวชาวไต้หวันคนดังกล่าว ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกัน
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะให้กองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยัง กระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและการไต้หวัน เพื่อให้ประสานตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว
ทั้งนี้หากตำรวจไต้หวัน ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที โดยยืนยันว่า ไต้หวันไม่มีอินเตอร์โพล หรือเครือข่ายตำรวจสากลแต่อย่างใด
พล.ต.ต.จิรสันต์ เผยว่า ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทบถึงความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้สาวชาวไต้หวัน รวมถึงพยานเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น
รวมถึงขอให้สังคมออนไลน์ติดตามข้อมูลต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้อง หรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา
นอกจากนี้ มีรายงานข่าว ระบุว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเบื้องต้น ไม่พบว่าที่ด่านตรวจมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 5 คน ที่สาวชาวไต้หวันกล่าวอ้างในการโพสต์ครั้งแรกแต่อย่างใด พบเพียงกลุ่มของนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันยืนเกาะกลุ่มกันอยู่เท่านั้น
ส่วนการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าคลิปที่หญิงสาวชาวไต้หวันบันทึกในวันเกิดเหตุก็ไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุป และข้อเท็จจริงของคดีนี้