ข่าว

ลุยค้น 13 จุด 5 จว.ยังไร้เงา"เสี่ยโจ้"เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

ลุยค้น 13 จุด 5 จว.ยังไร้เงา"เสี่ยโจ้"เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

19 ก.ค. 2567

ออกหมายจับเครือข่ายเสี่ยโจ้ รวม 5 ราย ลุยค้น 13 จุด 5 จังหวัด ยังไร้เงา "เสี่ยโจ้" เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน บงการขโมยเรือน้ำมันของกลาง 3 ลำ จากท่าเทียบเรือ

19 ก.ค.2567 ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ร่วมกัน แถลงข่าว กรณีความคืบหน้าคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย 3 ลำ

ลุยค้น 13 จุด 5 จว.ยังไร้เงา\"เสี่ยโจ้\"เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

โดยมี

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช./ ผอ.ศปนม.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน. พ.ต.อ เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.

พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. เป็นผู้ดำเนินการแถลงข่าวดังกล่าว

 

ลุยค้น 13 จุด 5 จว.ยังไร้เงา\"เสี่ยโจ้\"เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

จากกรณี วันที่ 12 มิ.ย. 2567 เวลา 06.00 น. เกิดเหตุเรือน้ำมันของกลางจำนวน 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง หายจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมลูกเรือจำนวน 15 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้า 14 ราย โดย ผู้ต้องหา ได้ร่วมกันควบคุมเรือหลบหนีไป 

 

ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปนม.ตร) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย คือ 

1. นายสหชัยฯ อายุ 55 ปี 

2. นายสมเกียรติฯ อายุ 56 ปี 

3. นายสำเริงฯ อายุ 58 ปี ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” 

และขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ 5 จังหวัด 13 จุด  

1.จังหวัดสมุทรปราการ 1 จุด, 

2.จังหวัดสมุทรสาคร 2 จุด

3.จังหวัดเพชรบุรี 2 จุด

4.จังหวัดสงขลา 2 จุด 

5.จังหวัดปัตตานี 6 จุด

ต่อมาวันที่ 18 ก.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว พบว่าผู้ต้องหา ทั้ง 3 ราย ที่ถูกออกหมายจับ ได้หลบหนีไปต่างประเทศ

ลุยค้น 13 จุด 5 จว.ยังไร้เงา\"เสี่ยโจ้\"เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน

และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่

นางอนันตญาฯ อายุ 25 ปี  

นายนรินทรฯ อายุ 27 ปี

โดย แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” สอบถามปากคำผู้ต้องหาทั้งสองราย เบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

 

ตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น 13 จุด เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามปากคำ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องรวมประมาณ 70 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า นอกจากเสี่ยโจ้ และ พวกอีก 2 รายที่ถูกออกหมายจับ รวมไปถึง น.ส.อนันตญา และ นายนรินทร ที่ถูกแจ้งข้อหาไปแล้วนั้น ยังมี นางลดาวรรณ (นามสกุล-ธนูสังข์) เสมียนบัญชี ตัวละครสำคัญอีกรายที่ตอนแรกทางเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเข่นเดียวกัน แต่ในขณะเข้าตรวจค้นทราบว่าเจ้าตัวเกิดไหวตัวทันชิงหลบหนีออกนอกประเทศไปก่อน ทางพนักงานสอบสวนจึงเตรียมเร่งรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับเพิ่มเติมอีกราย 

 

“สำหรับคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหายนั้น จากจ้อมูบที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ยืนยันว่าถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำที่ถูกลักไปจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของเรือก็คือ นายสหชัย ส่วนอีก 2 ลำที่เหลือนั้นเป็นของนายหนุ่มเพชรบุรี ซึ่งในส่วนของนายหนุ่มนั้น ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยประสานติดต่อให้มาเข้าให้ปากคำ แต่เจ้าตัวอ้างว่าติดโควิด ขอเลื่อนไปก่อน ส่วนความเสียหายจากเรื่อวที่เกิดขึ้นทางศุลกากรได้ประเมิณมูบค่าน้ำมันเถื่อนของกลางมาแล้วว่าอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านบาท”

 

ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ยืนยันว่าพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่า ตัวการหลักคือ นายสหชัย หรือ เสี่ยโจ้ ที่เป็นเหมือนนายทุน คอยสั่งการลงมาที่ลูกน้อง โดยแบ่งหน้าที่กันเป็นในรูปแบบขบวนการ เรามั่นใจจึงขออำนาจศาลออกหมายจับและหมายค้น ซึ่งเจอพยานหลักฐานเพิ่มเติมมากมาย ส่วนเรื่องการติดตามตัวไม่กังวลขอให้มั่นใจว่าสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้จะเร่งดำเนินการออกหมายแดง ทั้งนี้อยากฝากบอกไปยังเจ้าตัวว่าขอให้รีบมามอบตัว มาสู้คดีกันดีกว่า ถ้าคิดว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งก็มาสู้คดีเอาหลักฐานมาสู้ในศาล