
"ตำรวจหมวกส้ม"..ระวังภัยสถานศึกษา
การชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าสีไหน นอกจากบริษัทห้างร้าน รัฐบาล คณะรัฐมนตรี จะได้รับผลกระทบจากการชุมนุม บ้างระเห็จไปบริหารราชการในค่ายทหารบ้าง ส่วนราชการในปริมณฑลบ้าง แต่มีสถาบันหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ ตกเป็นตัวประกันด้วย แต่ไม่สามารถอพยพโยกย้ายไปไหนได้เลย นั่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงตลอด 2 เดือนก่อนหน้านี้ ส่งผลไปถึงความหวาดกลัวในชีวิตและทรัพย์สินในวงกว้าง เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดย พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. และ พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผบก.จร. จึงจัดทำโครงการ "ตำรวจหมวกส้มตรวจสัมพันธ์สถานศึกษา" ขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอุ่นใจแก่พี่น้องประชาชน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนไปในตัว โดยมอบหมายให้ กก.1 (สายตรวจ) บก.จร.เป็นผู้ดำเนินการ
วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ก็คือการส่งตำรวจจราจรเข้าไปดูแลสังคม รวบรวมข้อมูลข่าวสารและเฝ้าระวังภัยในรูปแบบต่างๆ ทั้งการกระทำผิดรอบๆ โรงเรียนและภายในโรงเรียน ที่สำคัญยังทำให้ทราบถึงข้อมูลและสภาพปัญหาการจราจรในพื้นที่เกี่ยวข้อง อันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ บก.จร.
โครงการนำร่องนี้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 10 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุม มีนักเรียนจำนวนมาก และมีปัญหาการจราจร ประกอบด้วย ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ร.ร.สตรีวิทยา ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ร.ร.ศรีอยุธยา ร.ร.เซนต์คาเบรียล ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน ร.ร.มาแตร์เดอี ร.ร.สาธิตจุฬาฯ ร.ร.ศึกษานารี และ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย โดยตำรวจจราจรกลางจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับตำรวจจราจรพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. และ 12.00-15.00 น.
"ตำรวจจราจรต้องสัมผัสกับประชาชนทุกวันอยู่แล้ว พอสถานการณ์คลี่คลาย ผู้บังคับบัญชาเลยทำโครงการนี้ขึ้นมา ให้ตำรวจจราจรทำงานเชิงรุกมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาแก่ประชาชน ให้ชาวบ้านอุ่นใจ และมีช่องทางรับข้อมูลข่าวสารจากตำรวจ ขณะเดียวกันตำรวจก็จะได้รับข้อมูลข่าวสารจากประชาชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ความไม่ปลอดภัย หรือปัญหาการจราจร" พ.ต.อ.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ ผกก.1 บก.จร. กล่าว
ผลการดำเนินการเพียงไม่กี่วัน ได้เสียงตอบรับจากประชาชนและผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานในโรงเรียนข้างต้น กก.1 บก.จร.จึงเตรียมขยายโครงการนี้ไปยังโรงเรียนทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯ ในเร็วๆ นี้ โดย พ.ต.อ.วีระวิทย์ เชื่อมั่นว่าหากทำได้จะช่วยลดปัญหาการจราจรบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี
ด้าน พ.ต.ต.พายัพ สมบูรณ์ สว.งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. บอกว่า หน้าที่ของตำรวจจราจรคืออำนวยความสะดวกด้านจราจร แต่โครงการนี้ตำรวจจราจรต้องเข้าไปพูดคุย สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนมากขึ้น ตั้งแต่เริ่มโครงการมาพบว่าโรงเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ปกครองจอดรถเป็นระเบียบมากขึ้น เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
"แม้โครงการนี้จะเริ่มได้เพียงไม่กี่วัน แต่จากการปฏิบัติหน้าที่พบว่าผู้ปกครองที่ขับรถมารับลูกๆ ที่โรงเรียนให้การตอบรับเป็นอย่างดี จอดรถเป็นระเบียบ ไม่จอดแช่นานๆ มีการประสานกับเด็กก่อนจะมารับ ที่สำคัญพบว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่สบายใจมากขึ้น เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยประสานงานจราจร และยังช่วยดูแลเด็กนักเรียนไม่ให้ได้รับอันตรายจากภัยโดยรอบด้วย" พ.ต.ต.พายัพ บอกขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรหน้า ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
ขณะที่ "สมลักษณ์ จันทร์น้อย" ผอ.ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน บอกว่า พื้นที่โดยรอบโรงเรียนมีการจราจรหนาแน่น เนื่องจากมีสถานศึกษาและสถานที่สำคัญหลายแห่ง การมีโครงการนี้เข้ามาอำนวยความสะดวก ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดลดลงไปได้มาก โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วนระหว่างที่ผู้ปกครองมาส่งมารับเด็กนักเรียน ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มมาตรการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่มีอยู่มากมายในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี หลังเริ่มโครงการมา ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นดีด้วย และให้ความร่วมมือกับโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี
"ผู้ปกครองเล็งเห็นความปลอดภัยของเด็กนักเรียนระหว่างการมารับมาส่ง แม้กระทั่งการดูแลความปลอดภัยเด็กนักเรียนระหว่างอยู่ในสถานศึกษา จึงให้ความร่วมมืออย่างดี" สมลักษณ์ ให้ความเห็น