สิ้น"อำนาจ ศิริชัย"การเมืองปากน้ำโพร้อนฉ่า !!
ทันทีที่สไนเปอร์พุ่งเจาะหัว "อำนาจ ศิริชัย" นายกอบจ.นครสวรรค์ เสียชีวิต เมื่อย่ำรุ่งวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนเค้าลางแห่งความรุนแรงในสนามการเมืองของเมืองปากน้ำโพแห่งนี้ ก็คุโชนเป็นสัญญาณแห่งความรุนแรงอีกระลอก
คุโชนทั้งในสนามระดับท้องถิ่น เลยเนื่องไปถึงสนามการเมืองระดับชาติอย่างเลี่ยงไม่ได้
เนื่องเพราะ "อำนาจ" กำลังสยายปีก ผัดหน้าทาแป้งเตรียมทะยานสู่สนามเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าในสีเสื้อภูมิใจไทย
ว่ากันว่า อาจจะเป็นช่องจังหวะปะเหมาะที่ฝ่ายตรงข้ามจะต้องรีบชิงลงมือตัดไฟแต่ต้นลมก็เป็นได้
ย้อนรอยกลับไปดูรหัสแห่งความรุนแรงในสนามการเมืองของจังหวัดนี้ ยิ่งน่าสนใจ เพราะล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นควันปืนและคาวเลือดอย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากกุมภาพันธ์ 2551 คนร้ายขับรถตามประกบยิง ชาตรี สมภาษี อายุ 35 ปีเสียชีวิต ขณะกำลังขับรถตระเวนเปิดสปอตโฆษณาหาเสียงให้ จรรยา มหาสุชลน์ ผู้สมัครอิสระ สมาชิกสภาเทศบาล เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลเมืองชุมแสง จ.นครสวรรค์
คดีนี้ พล.ต.ต.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบช.ภ.6 (ตำแหน่งขณะนั้น) ส่งชุดสืบมือดีเข้าคลี่คดี ข้อมูลที่ได้รับในขณะนั้นก็คือ จากการตรวจสอบบาดแผลของผู้ตายและแนววิถีกระสุนการยิง มือปืนเป็นมือปืนอาชีพ
ส่วนประเด็นการสั่งตาย ตำรวจให้น้ำหนักทั้งในส่วนของเรื่องชู้สาวและปัญหาการเมืองท้องถิ่น
เดือนเดียวกัน การข่มขู่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เกิดขึ้นกับ สนิท พรมศร อายุ 53 ปี ทนายความ และนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่ผันตัวเองมาชิมลางสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ว.นครสวรรค์
การข่มขวัญทางการเมืองครานั้น คนร้ายขว้างระเบิดลูกเกลี้ยง ชนิดเอ็ม 26 มีรัศมีการทำลาย 25 เมตรเข้ามาในรั้วบ้าน แต่เคราะห์ดีที่ระเบิดยังไม่ทำงาน ความสูญเสียจึงยังไม่บังเกิดกับใครในบ้านนี้
คดีนี้ตำรวจสรุปว่า สาเหตุน่าจะเป็นปมขัดแย้งส่วนตัวกับประเด็นการเมือง เนื่องจาก สนิท ได้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ผู้สมัครส.ว.หลายรายขาดคุณสมบัติ และกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
ประเด็นนี้ส่อเค้าว่า จะมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ จึงว่าจ้างคนลงมือหวังบอมบ์ข่มขวัญ
ถัดจากนั้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน เกิดเหตุมือปืนประกบยิง รพีพัฐ ธนรัตน์วรสกุล อายุ 45 ปี เสียชีวิตกลางเมืองนครสวรรค์อีกราย คดีนี้ตำรวจพิเคราะห์จากหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลแล้วเชื่อว่า เกี่ยวพันกับการเมือง เนื่องจากเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทย ทั้งยังเป็นผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เขต 1 นครสวรรค์, อดีตผู้สมัคร ส.ท., และอดีตกรรมการบริหารสาขาพรรคไทยรักไทย
น้ำหนักในทางคดี ตำรวจขมวดไปที่เรื่องการปีนเกลียวทางการเมือง เนื่องจากการสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.นครสวรรค์ ในต้นปี 2551 รพีพัฐ เป็นผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 1 ต่อสู้กับลูกชายของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง ปมมีอยู่ว่า แม้รพีพัฐจะพ่ายแพ้ในเกม ต่อมาก็ได้ร้องเรียนผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง จน กกต.ต้องลงมาสอบสวน
ทั้งยังพบปมว่า เขาได้แจ้งความดำเนินคดีกับอำนาจ ศิริชัย นายก อบจ.นครสวรรค์ ในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น และการหาเสียงโฆษณาชวนเชื่อเกินความจริง โดยร่วมกับผู้สมัครนายกอบจ.จากพรรคชาติไทย ร้องเรียนไปยังกกต.นครสวรรค์ ซึ่งขณะนั้นอำนาจได้รับเลือกเป็นนายกอบจ.นครสวรรค์ หลังขับเคี่ยวกับ ภิญโญ นิโรจน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เจ้าของเก้าอี้ ส.ส.นครสวรรค์ 7 สมัย ที่ผันตัวเองมาลงสมัครเป็นนายกอบจ. แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อำนาจในที่สุด
เข้าสู่เดือนธันวาคม 2551 คนร้ายขว้างระเบิดแบบสังหาร ชนิดเอ็ม 67 มีรัศมีการทำลายราว 30 เมตร ใส่บ้านพัก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ จากพรรคไทยรักไทย (ในสมัยนั้น) ที่เกิดเหตุบริเวณสามแยกท่าทอง ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
คดีนี้ตำรวจก็มองว่า คงไม่พ้นเรื่องราวจากปมการเมืองในพื้นที่เฉกเช่นเคย
ทว่า ในรอบปี 2552 ความรุนแรงทางการเมืองพักรบชั่วคราว กระทั่งเข้าสู่กุมภาพันธ์ 2553 ก็ประเดิมจาก ไพจิตร ปานอุดมลักษณ์ หรือส.จ.เต็ง อายุ 69 ปี ถูกยิงเสียชีวิตภายในรถยนต์ ส่วนคนขับรถคือ เจริญ สุระประเสริฐ อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับไพจิตรแล้ว เขาคือบิดาของ เกษม ปานอุดมลักษณ์ อดีต ส.ส. เขต 2 จ.นครสวรรค์ ซึ่งในสมัยที่แล้วสอบตก ทว่าสมัยหน้าเตรียมผัดหน้าทาแป้งลงสมัครค่ายเพื่อไทย
น่าสนใจด้วยว่า สำหรับเส้นทางของ ไพจิตร ผู้ตาย ก็เตรียมลงสมัคร ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ดังนั้น ปมการสังหารก็ถูกตีกรอบไว้ในเรื่องหักการเมืองเป็นหลักเช่นกัน
จิ๊กซอว์ความรุนแรงในพื้นที่เมืองปากน้ำโพในห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต่างเซ่นสังเวยรายแล้วรายเล่า ทั้งหมดล้วนมีตัวละครสำคัญคือ "คนการเมือง" แทบทั้งสิ้น
ยิ่งเมื่อมีการเด็ดหัวนักการเมืองคนสำคัญอย่าง "อำนาจ ศิริชัย" ไปอีกคนแล้ว การเมืองในพื้นที่ จึงต้องจับตามองชนิดกะพริบตาไม่ได้
นับจากนี้ไปรังสีอำมหิตทางการเมืองในพื้นที่ ต่างมองกันว่า น่าจะร้อนฉ่ายิ่งขึ้นเป็นทบทวี