ข่าว

 ไหว้เจ้าแม่ทับทิมหน้าดำ โชคดีที่เหมยโจว

ไหว้เจ้าแม่ทับทิมหน้าดำ โชคดีที่เหมยโจว

31 ก.ค. 2553

นั่งเครื่องการบินไทยเพียง 3 ชั่วโมง ผมก็นำคณะไปลงที่เมืองเซียะเหมิน ตรงไปที่มหาวิทยาลัยจี๋เหม่ย ชมหินแกะสลักจากฝีมือสาวเมืองซัวเถา 2,000 กว่าคน เล่าเรื่องกำเนิดประเทศจีน และการปฏิบัติวัฒนธรรมของท่านเหมา เจ๋อ ตุง อดีตผู้นำจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก งานแกะส

 กลางคืนผมพาคณะหาซื้อของดีที่ จงซัน ถนนคนเดินที่คึกคักด้วยแสงสีนีออนทุกค่ำคืน แล้วไปรวมพลกันที่ร้านราเม็ง ชิมลูกชิ้นปลายัดไส้หมูสับ กับน้ำซุปต้มกระดูกหมูที่หอมลือชื่อ รุ่งขึ้นเดินทางอีก 3 ชั่วโมง ข้ามทะเลไปที่ เกาะเหมยโจว บ้านเกิดเจ้าแม่ทับทิม ที่ซึ่งคนจีนทั่วโลกต้องมาอัญเชิญผงธูปไปบูชาตั้งศาลเจ้าแม่ทับทิมถึง 2,000 ศาล

 ศาลเจ้าแม่ทับทิม บนยอดเขาเหมยโจว เป็นจุดที่เจ้าแม่ทับทิมลอยขึ้นสวรรค์ จึงมีการตั้งศาลไว้ให้คนจีนเคารพกราบไหว้ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าบนจุดสูงสุดของเขาเหมยโจวยังมี เจ้าแม่ทับทิมหน้าดำ ตั้งไว้ให้บูชา คำถามจึงพรั่งพรูขึ้นมาว่า ทำไมเจ้าแม่ทับทิมจึงหน้าดำ ผมสืบมาจนรู้ว่า เจ้าแม่ทับทิมหน้าดำองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มาก

 เมื่อครั้งที่มีการปฏิบัติวัฒนธรรมโดยกลุ่มเรดการ์ด เยาวชนคอมมิวนิสต์แดงไม่อยากให้คนจีนงมงายกับลัทธิศาสนา จึงบุกทำลายวัดและศาสนสถานสำคัญๆ ทั่วประเทศ แม้แต่ชาวเรือที่มีองค์เจ้าแม่ทับทิมตั้งไว้บูชาบนเรือ ยังต้องนำองค์เจ้าแม่ทับทิมไปซ่อนไว้ในห้องเครื่องเรือ กลิ่นควันจากเครื่องเรือจึงรมจนหน้าเจ้าแม่ทับทิมองค์นี้เป็นสีดำ

 ในยุคท่านเติ้งเสี่ยวผิง แผ่นดินจีนเปิดประเทศ ชาวเรือจึงอัญเชิญเจ้าแม่ทับทิมหน้าดำขึ้นมาตั้งบูชาบนยอดเขาเหมยโจว ชาวจีนที่จะต่อเรือใหม่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปค้าขายต่างแดน ต้องขึ้นไปไหว้เจ้าแม่ทับทิมหน้าดำ ขอบารมีเจ้าแม่ให้คุ้มครองประสบโชคดีจนโด่งดังไปทั่ว

 คณะที่ไปไหว้เจ้าแม่ทับทิมกับผม กลับมาถูกหวยและได้หนี้คืนหลายคน บางท่านกลับมาค้าขายดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ

 31 สิงหาคม-4 กันยายน 2553 ผมจะพาคณะไปไหว้เจ้าแม่ทับทิม ที่เกาะเหมยโจว สุสานพระเจ้าตากสินมหาราช ชมตำนานเหมา เจ๋อ ตุง ณ เมืองมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ย ชมบ้านต้นตระกูลหวั่งหลี ขอพรเจ้าพ่อเสือ (ตั่วเล่าเอี้ย) ชมบ้านเกิดไต่ฮงกง ผู้ให้กำเนิดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ติดต่อโทร.08-1251-9122

ราชาหมูหัน โต๊ะจีน 2,299 บาท
 อาฮ้ง เคยเปิดร้านอาหารจีนเล็กๆ ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ ขายดีจนดาราพิธีกรดังๆ เช่น คุณวิทวัส สุนทรวิเนตร์ ไปกินเป็นประจำ แต่เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 มาถึง อาฮ้ง ต้องปิดกิจการร้านอาหารจีนเพื่อเอาตัวรอด ใช้เวลาศึกษาการทำอาหารจีนที่ทำยากที่สุดคือ หมูหัน เป็ดปักกิ่ง จนได้เทคนิคการทำหมูหันเป็ดปักกิ่งที่ได้มาตรฐาน

 ตระเวนซื้อลูกหมูและเป็ดจากฟาร์มใหญ่ทั่วราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี แปดริ้ว เพื่อนำมาย่างทำหมูหันและเป็ดปักกิ่ง ส่งให้โรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคารจีนทั่วประเทศ ร้านอาหารจีนที่เคยจ้างกุ๊กย่างหมูหันเป็ดปักกิ่ง เงินเดือนหลายหมื่นบาท และหากุ๊กยาก จึงสั่งหมูหันเป็ดปักกิ่งอาฮ้งมาย่างขายเองได้ทันที

 ส่งหมูหันเป็ดปักกิ่งไปขายทั่วประเทศ จนได้รับฉายาว่า ราชาหมูหัน อาฮ้งอยากให้ลูกค้าผู้มีพระคุณ ที่เคยอุดหนุนกินโต๊ะจีนกันมาก่อนได้ลิ้มรสอาหารโต๊ะจีนแท้ๆ จากกุ๊กฝีมือระดับภัตตาคารโรงแรมใหญ่ จึงจัดโต๊ะจีนราคาพิเศษชุดละ 2,299 บาท สำหรับกินกัน 6-7 คน แต่มีอาหารเลิศรสให้ได้กินกันอย่างเต็มอิ่ม

 อาหารโต๊ะจีน 8 อย่าง เริ่มด้วย ปลาเงินทอด ใช้ปลาเงินตัวเล็กๆ จากแม่น้ำเชิงภูเขา ซึ่งเป็นของดีหายากราคาแพงของมณฑลเจ๋อเจียง เอาปลาเงินมาชุบแป้งบางๆ ทอดกรอบๆ กินเปล่าๆ ก็อร่อย แห่กึ๊นกุ้งสด ใช้กุ้งแชบ๊วยตัวขนาดกลางๆ เอามานวดให้เนื้อกุ้งเหนียวกรอบ ปรุงรสให้ดีแล้วห่อด้วยแผ่นเปาะเปี๊ยะ ทอดสดๆ เป็นแห่กึ๊นที่ขายดีมาก

 หูฉลามน้ำแดงหม้อใหญ่ อาฮ้ง คัดหูฉลามตัวขนาดกลางๆ ต้มเคี่ยวจนเส้นหูฉลามเปื่อยนุ่ม จึงใส่หูฉลามตุ๋นกับน้ำซุปขาหมูแฮมจีน ซึ่งใช้เครื่องปรุงชั้นอ๋อง เช่น กังฮื่อหยู (เอ็นหอย) ต้มกับไก่ตอน ขาหมูสด ขาหมูแฮมจีน (ขาละ 3,000 กว่าบาท) เห็ดหอม ต้นหอมญี่ปุ่น แครอท และหอมหัวใหญ่ เคี่ยว 1 คืน เพื่อให้ได้น้ำแกงหม้อเดียว

 หมูหันหนังกรอบ หมูหันตัวไม่ใหญ่นัก ย่างจนหนังกรอบ ส่วนเนื้อเอาไปทอดกระเทียมก็อร่อย เป๋าฮื้อแผ่นอบตีนเป็ดหมี่ฮ่องกง ใช้ตีนเป็ดเคี่ยวจนเปื่อยอบกับเส้นบะหมี่ในหม้อดิน โปะหน้าด้วยเป๋าฮื้อแผ่นเนื้อหนาๆ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ใช้ปลากะพงทั้งตัวทอดน้ำมันให้เหลืองกรอบ ราดด้วยน้ำปลาปรุงรส กินกับยำมะม่วง

 ผัดหมี่ฮกเกี้ยนกุ้งสด ใช้เส้นหมี่ฮกเกี้ยนเหนียวนุ่ม ผัดกับเห็ดหอมกุยช่ายและกุ้งสด อร่อยกับอาหารจีนเลิศรสแล้ว เคลือบท้องด้วย แป๊ะก๊วยเย็น ใช้เม็ดแป๊ะก๊วยต้มกับน้ำตาล ให้เม็ดแป๊ะก๊วยเหนียวหนึบ กินกับน้ำแข็งเย็นๆ อร่อยชื่นใจ

"อ.ไชยแสง กิระชัยวนิช"