โต๊ะกลมสามชั่วโมงสอบผ่านทั้งสองฝ่าย
ในแง่ของประชาชนผู้ติดตามข่าวสารเรื่องเขาพระวิหาร การจัดโต๊ะกลมทางช่อง 11 สามชั่วโมงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับทีมเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกเอ็มโอยูปี 2543 และให้ใช้กำลังในการผลักดันให้ชาวเขมรที่ข
คำตอบของนายกรัฐมนตรีถึงแม้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากจุดยืนเดิม แต่คำอธิบายทั้งจากซีกประชาชน คุณวีระ สมความคิด คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ รวมไปถึงคุณสมปอง สุจริตกุล และแน่นอนนักวิชาการอย่างอาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม ก็ทำการบ้านมาอย่างดี ทำให้ประชาชนคนติดตามข่าวสารเข้าใจถึงจุดยืนข้อโต้แย้งและคำเรียกร้องของฝ่ายเครือข่ายประชาชน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีก็มีโอกาสที่จะชี้แจงว่า เอ็มโอยูปี 2543 นั้น ในแง่ของรัฐบาลรักษาไว้มีประโยชน์มากกว่าจะยกเลิก เพราะว่าเป็นการสกัดไม่ให้เขมรไปเขียนแผนที่ใหม่
ขณะที่คุณวีระ สมความคิด ยืนยันว่าการคงอยู่ซึ่งเอ็มโอยูปี 2543 นั้น จะทำให้เขมรเข้าใจว่าเรายอมรับแผนที่ที่ใช้สัดส่วน 1 : 2 แสน ซึ่งไทยเสียเปรียบ
สามโชั่วโมงเต็มๆ นั้น ประชาชนที่ติดตามข่าวสารได้รับทราบเหตุผลที่มาที่ไปและข้อโต้แย้งของทั้งสองฝ่าย ถือว่าเป็นประโยชน์มากกว่าการชุมนุมหรือว่าการตะโกนกลางถนนที่เราได้ยินแต่ข้อเรียกร้องฝ่ายเดียว จากนี้ไปนายกรัฐมนตรีก็ยอมรับว่าสิ่งที่ผิดพลาดในระดับการเมืองและข้าราชการนั้นจะต้องแก้ไข
ขณะเดียวกันจะต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับซีกของประชาชนซึ่งมีผลสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้แม้กระทั่ง ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจากที่เห็นนายกฯ ไปพูดจากับผู้ชุมนุมวันเสาร์ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่าถ้าหากจำเป็นก็จะพิจารณาการใช้กำลังเพื่อผลักดันชาวเขมรออกไป ถ้าหากการทักท้วงทางด้านการทูตไม่สำเร็จ ฮุน เซนร้อนถึงขั้นที่ต้องทำจดหมายถึงสหประชาชาติ
เห็นแล้วว่าแรงกดดันจากประชาชนคนไทยมีผลต่อฮุน เซนไม่น้อยทีเดียว วิธีการพบปะผ่านจอทีวีเช่นนี้ต้องทำต่อเนื่องและให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น เพราะว่าประชาชนจะได้ประเมินตัดสินแสดงจุดยืนของตัวเองพร้อมข้อมูลที่รอบด้านและมีเหตุมีผล เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
สุทธิชัย หยุ่น /http://www.suthichaiyoon.com