
พลิกแฟ้มคดีดัง : ปิดคดีฆ่า "แสงชัย สุนทรวัฒน์"
"ไม่รู้เป็นความบังเอิญ หรือโชคเข้าข้าง" เป็นประโยคแรกที่ พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หัวหน้าศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดฉากสนทนากับ ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ถึงคดีสังหารนายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท) ซ
ในวันเกิดเหตุนายแสงชัยไปรับประทานอาหารกับนางวัชรี สุนทรวัฒน์ ภรรยาที่ร้านอาหารประจำย่านเมืองทองธานี หลังรับประทานอาหารเสร็จก็ขับรถยนต์วอลโว่กลับบ้าน เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้านเมืองทองธานี 3 ก็ถูกมือปืนตามประกบยิง
ขณะมือปืนลงมือลั่นไก นางวัชรีเป็นคนขับ ส่วนนายแสงชัยนั่งอยู่เบาะหลัง คนร้ายใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงกระสุนทะลุกระจกถูกนายแสงชัยเสียชีวิตคาที่ และยังพยายามยิงนางวัชรีด้วย แต่กระสุนขัดลำกล้องนางวัชรีจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด
ด้วยเหตุที่นายแสงชัยเป็นคนดังในขณะนั้น นอกจากจะเป็น ผอ.อสมท แล้วยังเป็นคอลัมนิสต์ชื่อดังในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ อีกทั้งยังจัดรายการฟุดฟิดฟอไฟ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ด้วย จึงทำให้ได้รับความสนใจจากสังคมมากเป็นพิเศษ
สื่อมวลชนทุกแขนงเสนอข่าวการสังหารนายแสงชัยอย่างครึกโครม กรมตำรวจสมัยนั้นจึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองอธิบดีกรมตำรวจ (ตำแหน่งในขณะนั้น) เข้ามากำกับดูแลคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง ขณะที่หัวหน้าชุดสืบสวนทำหน้าที่โดย พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์ รองผบช.ก. (ยศและตำแหน่งขณะนั้น)
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกรมตำรวจระดมนักสืบฝีมือดีเข้ามาคลี่คลายคดีดังกล่าวหลายชุด ทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล
แต่แม้ว่าชุดสืบสวนจะพยายามแกะรอยติดตามจับกุมคนร้ายอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถควานหาตัวได้พบ ทำได้เพียงตั้งปมประเด็นลอบสังหารไว้ที่การขัดผลประโยชน์กันในกลุ่มผู้บริหาร อสมท โดยเฉพาะบอร์ดบริหาร
"ชุดสืบสวนแต่ละชุดต่างมีเป้าของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารในบอร์ด อสมท กลุ่มหนึ่ง แต่ก็ทำได้เพียงแค่สงสัย มีการเชิญผู้บริหารกลุ่มนั้นมาสอบปากคำหลายคน ซึ่งมีอดีตทหารรวมอยู่ด้วย แต่ก็ขาดหลักฐานเชื่อมโยง" พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว
เวลาล่วงเลยไปกว่าเดือนเศษ คดียังไม่คืบหน้า ทำให้ชุดสืบสวนรู้สึกเครียด เพราะแต่ละคนเป็นระดับพระกาฬทั้งนั้น
"ผมเครียดนะตอนนั้น เพราะนักสืบแต่ละคนที่ระดมกันมานั้น ได้ชื่อว่าแถวหน้าทั้งสิ้น แต่เวลาล่วงเลยมานานเรายังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้เลย มือปืนมีอยู่กี่ซุ้มเราตรวจสอบหมด แต่ก็ไม่มีใครที่รับงานสังหารนายแสงชัยเลย" พ.ต.อ.ปรีชา บอก
เมื่อเวลาผ่านไป การสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ค่อนข้างครอบคลุมมากขึ้น ประเด็นการสังหารก็เริ่มแสดงให้เห็นมากขึ้น ในตอนนั้นมีประเด็นใหม่ขึ้นมาจากความขัดแย้งระหว่างนายแสงชัย กับบอร์ดบริหาร อสมท รายหนึ่ง
นั่นก็คือนายแสงชัยไม่ยอมต่อสัมปทานให้แก่เจ้าแม่แห่งวงการวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ภาคเหนือคนหนึ่ง ชื่อ นางอุบล บุญญชโลธร ซึ่งเจ้าแม่รายนี้ไม่พอใจอย่างรุนแรง โดยก่อนที่นายแสงชัยจะถูกยิงมีข่าวว่านายแสงชัยพูดไม่เข้าหูนางอุบลว่า หากต่อสัญญาสัมปทานให้นางอุบล สู้เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
"หลังจับมือปืนได้แล้ว เขารับสารภาพว่า คนว่าจ้างบอกให้ไปยิงผู้อำนวยการโรงเรียนที่ปากไม่ดีพูดไม่เข้าหู มือปืนเขารู้แค่นั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหยื่อของเขาคือนายแสงชัย ผอ.อสมท คนดัง" พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว
การจับกุมมือปืนยิงนายแสงชัย ค่อนข้างเหลือเชื่อเกินความขาดหมาย โดยขั้นตอนการสืบสวนไม่ได้เริ่มจากคดีคนร้ายยิงนายแสงชัยเอง แต่ได้จากการขยายผลในคดีอื่น
หลังนายแสงชัยถูกยิงไม่นาน ก็เกิดคดียิงนายนรุตม์ สัตยาศัย เสี่ยเจ้าของกิจการเครื่องสุขภัณฑ์ ที่หน้าหมู่บ้านสัมมากร ท้องที่ สน.บางชัน โดยคนร้ายใช้ปืนขนาด 9 มม.เช่นเดียวกับที่คนร้ายใช้ยิงนายแสงชัย
"พ.ต.ต.ชัยรัตน์ เปี่ยมปรีดา สว.สส.สน.บางชัน ในขณะนั้น มาปรึกษาผม บอกว่าคนร้ายทำถุงกระดาษตกไว้ในที่เกิดเหตุ ภายในมีกระดาษแผ่นหนึ่งระบุห้องเลขที่ 405 ศิริสุขอพาร์ทเมนต์ ย่านรามคำแหง สารวัตรชัยรัตน์ เขาสงสัยว่าน่าจะเป็นของมือปืนจึงไปที่ห้องดังกล่าว พบนายกิตติพล อินทรปาน หรือโหน่ง อยู่ภายในห้อง จึงเชิญตัวมาสอบแต่เจ้าตัวปฏิเสธ ชัยรัตน์ จึงปล่อยตัวไป แล้วจึงมาปรึกษาผม" พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว
รองผบก.หัวหน้าศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวต่อว่า ตอนแรกตกใจเพราะเชื่อมั่นว่าคนที่อยู่ในห้องพักดังกล่าวเป็นคนร้ายยิงนายนรุตม์แน่ จึงให้ พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ตอนนั้นเป็น สว.สส.น.เหนือ ให้ไปช่วย พ.ต.ต.ชัยรัตน์ สุดท้ายก็จับกุมนายกิตติพลได้ ซึ่งต่อมาเขาก็ยอมรับว่าร่วมกับพวกรับงานยิงนายนรุตม์จริง
คนร้ายกลุ่มนี้ใช้ปืนขนาด 9 มม.ขนาดเดียวกับที่ใช้ยิงนายแสงชัย พ.ต.อ.ปรีชาจึงสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ยิงนายแสงชัย จึงพยายามสอบเค้น ตอนแรกเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่โชคดีที่ต่อมาภรรยาเขามาเยี่ยม จึงได้สอบถามภรรยาเขาก็หลุดออกมาว่า กลุ่มนี้รับงานยิงคนที่เป็นข่าวดังในพื้นที่ปากเกร็ดด้วย
"ภรรยาเขาพูดว่าสามีเขาพัวพันกับคดียิงคนที่เป็นข่าวดังด้วย เราก็เลยสอบเค้นนายโหน่งอย่างหนัก สุดท้ายเขาเลยรับสารภาพว่าเป็นทีมสังหารนายแสงชัยจริง โดยมือปืนคือนายนฤทุกข์ หรือกิต อุ่นตระกูล ดีกรีนักกีฬายิงปืนระดับเขต มีคนร่วมงานคือนายสุนันท์ หรือดำ วงศ์คำหาญ นายกนกศักดิ์ หรือหนึ่ง อินทร์สมาน และนายชนะ หรือเล็ก คงหนุน เป็นทีมงาน" พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว
พ.ต.อ.ปรีชากล่าวว่า ฉุกคิดมาตั้งแต่ต้นว่ามือปืนที่ลงมือยิงนายแสงชัยจะเป็นมือปืนโนเนม ซึ่งก็เป็นจริงตามคาด ทีมสังหารกลุ่มนี้เพิ่งรับงานฆ่าไม่กี่งาน จึงยังไม่มีประวัติอยู่ในแฟ้มมือปืน
"ตอนผมจับเขาก็มีการสอบสวนขยายผลอย่างละเอียด เขาบอกว่าพอรับจ้างสังหารไม่นาน ก็มีคนมาจ้างให้สังหารเยอะ จนยิงกันแทบไม่ทัน ยิงนายแสงชัยไม่นานก็รับงานอื่นต่อทันทีแทบไม่ได้พัก"
มือปืนกลุ่มนี้ถูกส่งตัวฟ้องศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ซึ่งศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ขณะที่ การขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้บงการก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เพราะหลังจากได้ตัวมือปืน ก็มีการซัดทอดถึงตัวผู้บงการคือนายทวี พุทธจันทร์ บุตรเขยของนางอุบล ซึ่งรับคำสั่งต่อมาจากนางอุบล นั่นเอง
ก่อนที่นายแสงชัยจะมารับตำแหน่ง ผอ.อสมท นางอุบลเป็นผู้กว้างขวางในแวดวงสถานีวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแม่แห่งวิทยุกระจายเสียงภูธร แต่ต่อมามีปัญหาว่าการจัดรายการที่ออกอากาศในสถานีวิทยุกระจายเสียงในควบคุมของนางอุบล มักใช้เป็นช่องทางในการโจมตีรัฐบาล
เมื่อนายแสงชัยเข้ามารับตำแหน่งก็ครบวาระที่จะต้องต่อสัญญาใหม่พอดี นายแสงชัยจึงอาศัยโอกาสนี้ไม่ต่อสัญญาสัมปทานให้ สร้างความโกรธแค้นให้แก่นางอุบลเป็นอย่างยิ่ง จึงมอบหมายให้นายทวีลูกเขย ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.เชียงราย จัดหาทีมสังหารให้
นายทวีเลือกใช้บริการของนายวิศิษฐ์ พึ่งรัศมี อดีตข้าราชการกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นผู้จัดหาทีมสังหารให้ ซึ่งนายวิศิษฐ์ ในยุคนั้นเป็นที่รู้จักกว้างขวาง พัวพันกับธุรกิจไนท์บาซาร์ที่เชียงใหม่ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าซุ้มมือปืนด้วย นายวิศิษฐ์เลือกส่งงานให้นายนฤทุกข์ เพราะเป็นมือปืนหน้าใหม่ ป้องกันการสาวถึงตัวเอง
ปัจจุบันนายทวียังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ขณะที่นางอุบลถูกสังหารเสียชีวิต ส่วนซุ้มมือปืนของนายวิศิษฐ์ถูกคอมมานโดปราบปรามอย่างหนัก ต่อมานายวิศิษฐ์ก็ถูกจับกุมดำเนินคดี