ข่าว

 “จนเงิน แต่อย่าจนโอกาส”

“จนเงิน แต่อย่าจนโอกาส”

05 ก.ย. 2553

ถ้าเลือกเกิดได้ เชื่อแน่ว่าทุกคนล้วนอยากเกิดมาสุขสบาย มีเงินมีทอง ใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คงไม่มีใครในโลกที่อยากเกิดมาลำบาก มีชีวิตที่ขัดสน ชักหน้าไม่ถึงหลัง

 แต่ทุกคนก็หนีความจริงไม่พ้น ทุกสังคมย่อมประกอบด้วยคนมั่งมีและคนยากคละเคล้ากันไป แถมยิ่งปล่อยให้ช่องว่างถ่างออกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้สังคมขาดเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น

 นักทฤษฎีบางสำนักยังเอ่ยทักอีกว่า ความเหลื่อมล้ำทางสังคมอาจนำไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลวได้ในที่สุด หากรัฐยังไม่จัดการแก้ไข ป้องกันซะตั้งแต่ตอนนี้

 ส่วนตัวผมว่า “จนเงิน” ยังพอรับได้ แต่ “จนโอกาส” เป็นเรื่องที่ต้องระวังและน่าห่วงมากๆ

 เพราะเอาเข้าจริงเงินก็ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย เนื่องจากไม่มีรัฐไหนในโลกที่สามารถผลิตเงินและไล่แจกชาวบ้านได้อย่างอิสรเสรี ไม่มีข้อจำกัด

 อีกทั้งปรัชญาที่เราได้ยินเสมอ “สอนให้ตกปลาดีกว่า ให้ปลาไปกินตลอด” ก็ยังคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล เตือนให้เราๆ ท่านๆ รู้ค่าของการให้ที่ไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว
 
 แต่ต้องเป็นการหยิบยื่น “โอกาส” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อที่มวลชนทุกชั้นวรรณะจะสามารถผลักดันตัวเองให้ลืมตาอ้าปาก เปิดช่องขยับตัว ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และโดนเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มคนอื่นๆ

 เรื่องนี้คงต้องฝากไปที่หน่วยงานภาครัฐ ในฐานะผู้วางรากฐานและสร้างนโยบาย เพราะตราบใดที่สิทธิเสรีภาพในการเข้าถึง “โอกาส” ยังมีข้อจำกัด ก็อย่าหวังว่าประเทศจะก้าวไปไหนไกลได้ 

 ในอีกมุมหนึ่ง เราก็ต้องหันมามองตัวเองด้วย ใช่ว่าจะเพิ่งพิงหรือนั่งรอรับอย่างเดียว เพราะพฤติกรรมที่ว่าก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กนักเรียนที่รอให้คุณครูมาป้อนทุกๆ วัน

 ผมมักไม่เข้าใจเวลาที่เห็นคนที่รู้จักบ่นว่า “เงินไม่พอใช้ แต่ตัวเองก็ไม่ทำอะไรเลย” เอาแต่บ่น และหยิบโหย่ง ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

 พ่อแม่สอนผมเสมอว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาเมืองไทย ส่วนใหญ่จะมีแค่เสื่อผืนหมอนใบ แต่อาศัยที่ขยัน และไม่นั่งรอโอกาส มาวันนี้จึงลืมตาอ้าปาก ร่ำรวยเป็นเจ้าสัวเต็มเมืองไปหมด

 ผมอยากสอนหนังสือ แต่ครั้นทำตัวหยิ่ง รอคนมาเชิญ ชาตินี้ก็ไม่มีทางได้เป็น จึงต้องเอาตัวเข้าไปในแวดวง แสดงเจตนารมณ์ และผลงาน จนที่สุดก็ได้เป็นครูบาอาจารย์กับเขา

 เพื่อนผมอยากทำธุรกิจ ควบคู่กับการเป็นมือปืนรับจ้างในออฟฟิศ ผมเห็นเขากุลีกุจอไปงานสัมมนาอาชีพ เข้าคอร์สอบรม เจอผู้รู้ก็สอบถาม ค้นตำรานอกห้องมาอ่านประจำ เรียกได้ว่าไม่นั่งอยู่กับที่ แต่วิ่งเข้าหาโอกาสตลอด จนได้เป็นเจ้าของร้านอาหารสมใจ

 เมื่อรู้ตัวว่ารายรับมีไม่เพียงพอกับรายจ่ายและค่าครองชีพ แล้วจะยังนั่งรอโอกาสอีกหรือ? สำหรับผมแล้ว ความสำเร็จและเงินทองรออยู่สำหรับคนที่ไม่ปิดตัวเอง และกล้าเดินหน้าไปหาโอกาสเท่านั้น

 เดี๋ยวนี้วิชาชีพที่เรียนสั้นๆ ใช้เงินไม่แพง จบแล้วทำมาหากินได้เลยมีไม่น้อย ผมเองยังเคยสนใจ และเอามาเป็นคอร์สสัมมนาให้แก่สมาชิกสินเชื่อเสมอ รายการทีวีหรือแหล่งความรู้ในการหาอาชีพเสริมก็มี หาได้ไม่ยากเลย ถ้าใจจะสู้จริง

 สิ่งที่น่าท้าทายมากกว่าคือ อะไรยังเป็นอุปสรรคให้เราไม่เดินไปข้างหน้า???

 ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเอง ลองค้นหาคำตอบดูนะครับ พยายามทำลายกำแพงอุปสรรคออกไปให้ได้ ผมเอาใจช่วยห่างๆ

 เพราะผมยังยืนยันความคิดเดิม “จนเงินได้ แต่อย่าจนโอกาส” ครับ

ชัยพล กฤตยาวาณิชย์ [email protected]