
21แกนนำพันธมิตรฯเข้ารับทราบข้อหา
21 แกนนำพันธมิตรฯ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กลุ่มคนเสื้อเหลืองยกขบวนไปให้กำลังใจนับพัน
(30มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี-รังสิต มีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) 21 คน ประกอบด้วย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสาวิตย์ แก้วหวาน 6.นายวีระ สมความคิด 7.นายกิตติชัย ใสสะอาด 8.นายสุชาติ ศรีสังข์ 9.นายพิภพ ธงไชย 10.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 11.นายอมร อมรรัตนานนท์ 12.นายศิริชัย ไม้งาม 13.นายพิชิต ชัยมงคล 14.นายอำนาจ พละมี 15.นายประยุทธ วีระกิตต์ 16.นายสมบูรณ์ ทองบุราน 17.นายประพันธ์ คูณมี 18.นายพิเชฐ พัฒนโชติ 19.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 20.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ 21.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ได้ทยอยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เข้าห้องสอบปากคำ ที่ห้องประชุมบุญจินดา 3 สโมสรตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากเหตุปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีพนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำ 42 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การเข้ามารับทราบข้อหาของแกนนำพันธมิตรฯในครั้งนี้ มีแนวร่วมมาให้กำลังใจโดยเริ่มทยอยมาเรื่อยๆตั้งแต่เวลา 07.00 น. ทั้งนั่งรถโดยสารมา เหมารถทัวร์มา และขับรถยนต์ส่วนตัวมาเอง เพื่อมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ให้กับแกนนำพันธมิตรฯ กว่า 2,000 คน ซึ่งการเดินทางมาของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้การจราจรถนนวิภาวดี ฝั่งขาเข้าช่วงสโมสรตำรวจติดขัด ส่วนการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล1 จำนวน 1 กองร้อย(150 นาย) ดูแลความปลอดภัยด้านนอกสโมสรตำรวจ ส่วนด้านในได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลจากกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ(กก. 2 บก.ตปพ.) หรือ 191 จำนวน 1 กองร้อย
ต่อมา 10.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ในวันนี้พันธมิตรฯ 21 คน ได้ทยอยเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมรัฐสภา 7 ตุ.ค.51 ในข้อหาหาสมทบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และหน่วงเหนี่ยวกักขังเจ้าหน้ารัฐ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การสอบปากคำผู้ต้องหาวันนี้ ตำรวจจะนำภาพวีดีโอและเสียง ที่ว่ามีการชุมนุมประท้วงที่ตำรวจได้บันทึกไว้ มาซักถามผู้ต้องหาแต่ละคนว่าอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ ผู้ชุมนุมมีส่วนร่วมในการกระทำใด ๆ หรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่ให้การในวันนี้ แต่จะทำเอกสารชี้แจงภายหลัง โดยขอเวลา 30 วัน ซึ่งทนายพันธมิตรฯได้นัดวันที่ 27 เม.ย. เป็นอย่างช้า ซึ่งทางตำรวจก็ให้โอกาสไม่มีปัญหาใด เพราะหลักฐานสามารถเก็บไว้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหลักฐานเสนอศาล ส่วนจะมีความผิด หรือถูก ขึ้นอยู่ที่ศาลพิจารณาชี้ขาด
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบสวนในวันนี้ จะสอบเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. 51 ยังไม่รวมการชุมนุมปิดล้อมสนามบินที่ทางบช.น. รับผิดชอบคือ สนานบินดอนเมือง ซึ่งได้ทำการสอบสวนเสร็จแล้ว 90-95 เปอร์เซนต์ ส่วนการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางกองบัญชาการตำรวจภูธร 1 (บช.ภ.1) เป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวน ซึ่งตนยังไม่แน่ใจว่าใกล้เสร็จยัง ส่วนของบช.น.ใกล้จะแจ้งข้อหาว่ากับใครมีส่วนเกี่ยวข้องได้บ้าง
“ ขั้นตอนในวันนี้ หลังจากแจ้งข้อหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ ลงบันทึกประจำวัน หลังรับทราบข้อหาแล้ว ให้กลับบ้านได้โดยไม่ต้องประกันตัวเพราะไม่ได้จับกุม ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของผู้ต้องหาแต่ละคนในการให้ปากคำ” รอง ผบช.น.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ได้ยื่นคำให้การกับทางพนักงานสอบสวนไปแล้ว ขึ้นอยู่ทางพนักงานสอบจะสั่งฟ้องหรือไม่ โดยแกนนำทุกคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ยอมตอบคำถามแม้แต่คำถามเดียว เพราะทางแกนนำพันธมิตรฯต้องการทราบรายชื่อพนักงานสอบสวนทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับคดีเก่าๆของพันธมิตรหรือไม่ หากมีก็จะดำเนินการยื่นเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งมีการกล่าวพาดพิง ถึงพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นการออกมาต่อต้านรัฐบาล อย่างไรก็ตามทางกลุ่มพันธมิตรมีนัดประชุมใหญ่ในวันที่ 30 พฤษภาคม นี้ เพื่อสรุปการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้งว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งต้องหารือและฟังเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศ
“ตอนนี้สื่อมวลชนเองก็ทำตัวไม่เป็นกลางเอนเอียง เพราะช่วงที่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหว สื่อไม่ค่อยประโคมข่าว แต่พอกลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนกลับให้ความสนใจประโคมข่าวกันยกใหญ่ โดยเฉพาะรายการของช่อง 3 ที่นายสรยุทธ สุทัศนจินดา ทำรายการข่าว ผมถือว่าเป็นรายการที่ไร้สาระที่สุด ส่วนการที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านวีดีโอลิงค์ เข้ามาหากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง และได้พาดพิงถึงระดับผู้ใหญ่หลายคนนั้น ผมถือว่าไม่เกี่ยวกับเรา เป็นเรื่องของใครก็ไปแก้ไขกับปัญหากันเอง และการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังหน่อมแน้มเหมือนเดิม ผมเห็นว่ามีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีกระทรวงกาต่างประเทศ คนเดียวเท่านั้นในรัฐบาลชุดนี้ที่ทำงานจริงจัง”“นายสนธิกล่าว
นายสนธิ ยังบอกด้วยว่า สมน้ำหน้ารัฐบาลชุดปัจจุบันที่เข้ามาแล้วยังบริหารประเทศไม่ได้อย่างที่คุยเอาไว้ ไม่สามารถปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในทางที่ดีได้ ไม่สามารถดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีได้ ส่วน คมช. ตนก็รู้สึกสะใจ ที่ถูกกลุ่มเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแฉ เพราะตอนปฏิวัติ ยึดอำนาจ คมช.ได้อำนาจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพียงแค่ยึดอำนาจมาไว้ในมือเท่านั้น เปรียบเหมือนสมบัติผลัดกันชม ดังนั้นจึงต้องสมน้ำหน้า และสะใจ ที่ถูกออกมาแฉแบบนี้ ทำให้ผู้ถูกแฉนั่งกันไม่ติด