ขาใหญ่สั่งตายจากคุกดับนศ.ปี4มหาสารคาม | คมชัดลึก

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ตุลาคม 53 พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.ศสส.ภ.4 ,พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ ผกก.ศสส.ภ.4 ,พ.ต.ท. ประยุทธ์ พิทักษ์เผ่าสกุล รอง ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.ท.โอฬาร สีตะปัน สวป.สภ.เมืองมหาสารคาม  ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม 5 มือปืนที่รับจ้างจากเจ้าพ่อค้ายาให้มายิง นายคุณากร เสียงใส นักศึกษาหนุ่มชั้นปี 4 คณะวิทยาการจัดการ ม.ราชภัฏมหาสารคาม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 53

 ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายสุทิน ทิพวงษ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.15 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม คนรับงาน นายประมล มีไชยโย อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 64 ซ.15 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี อดีตเป็นมือปืนรับจ้างที่เคยต้องโทษคดีฆ่าที่ปรึกษารมว.มหาดไทยเมื่อปี 2530 เป็นคนชี้เป้า นายสันติ สุขมหาหลวง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ถ.รามราช คนยิง นายสุริยะ พิชิตชัยรุ่ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/6 ถ.รามราช คนขับจยย.ให้มือปืน และนายสนั่น บัวสุดตา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.12 ต.โจดหนองแก คนชี้เป้า ทั้งสามคนอยู่ อ.พล จ.ขอนแก่น

 พ.ต.อ.ยรรยง กล่าวว่า หลังคนร้ายสังหารนายคุณากร ได้ติดตามสืบสวนหาสาเหตุกระทั่งทราบว่า ใบสั่งตายน่าจะมาจากนายสุริยา สะหวัด สัญชาติลาว ปัจจุบันจำคุกในเรือนจำที่กทม.คดียาเสพติด มีเฮโรอีน 1.6 ก.ก. เนื่องจากแค้นที่นายคุณากร มาติดพันแฟนสาวของ นายสุริยา ที่เรียนอยู่คณะวิทยาการจัดการ ม.ราชภัฏมหาสารคาม

 เมื่อสืบสวนหามือปืนพบว่ามีกลุ่มต้องสงสัยอยู่ที่ จ.สระบุรี มีการเชื่อมโยงกับ นายสุริยา จึงได้จัดชุดสืบสวนเฝ้าจุดหาข้อมูล กระทั่งจับกุมนายประมล ได้ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

 จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้รับงานมาจาก “เฮีย” ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ทราบภายหลังคือ นายสุริยา ซึ่งนายสุทิน รู้จักในเรือนจำติดต่อให้สังหารนายคุณากร ด้วยค่าจ้าง 7 แสนบาท  โอนเงินมาให้แล้ว 1.4 แสนบาท จากนั้นได้ติดต่อนายสันติ ที่รู้จักกันมานานและเคยร่วมงานกันเมื่อหลายปีก่อนมารับงานสังหาร โดยมีนายสุริยะและนายสนั่น ร่วมงานด้วย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ก่อนก่อเหตุได้ร่วมกันไปดูบุคคลเป้าหมายและสถานที่ต่างๆหลายครั้ง ต่อมาในวันที่ 15 ก.ย.53 พบนายคุณากรขับรถออกมาจากห้องบริเวณถนนศรีสวัสดิ์ นายสุริยะ จึงได้ขับรถจยย.ตามประกบให้นายสันติ ใช้อาวุธปืนขนาด .380 ออโต้เมติก ลั่นไกยิงผู้ตายจนเสียชีวิตแล้วแยกย้ายกันหลบหนีไป ก่อนมาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

 ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 คนนั้นหลังจับกุมตัวได้เตรียมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนพร้อมเครื่อง กระสุนปืนไว้ในครั้งครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกอาวุธปืนติดตัว ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร