
"อภิสิทธิ์"รับหนักใจดับไฟใต้
โจรใต้ใช้เวลา 25 นาที ไล่ยิงพ่อค้าเร่เมืองปัตตานี 2 ราย ตาย 2 ศพ เจ้าหน้าที่ยิงปะทะเดือด 6 โจรใต้ที่นราธิวาส คนร้ายตาย 4 เจ้าหน้าที่เจ็บ 1 "อภิสิทธิ์" รับหนักใจดับไฟใต้ ต่อให้อยู่ครบวาระ ก็ยังแก้ปัญหาไม่ตก
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 30 มีนาคม พ.ต.อ.จักรภพ ท้าวฤทธิ์ ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสาย 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) พื้นที่หมู่ 3 ต.บางปู จึงนำกำลังตำรวจ ทหารไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างหงายท้องอยู่ข้างทาง ห่างจากรถจักรยานยนต์ไปประมาณ 5 เมตร พบศพนายมะยาลี ลาเต๊ะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 3 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ถูกยิงที่ลำตัว 2 นัด และมี ด.ช.ดนยา ลาเต๊ะ อายุ 14 ปี บุตรชายของผู้ตายนั่งอยู่ใกล้กับศพ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายมะยาลีมีอาชีพค้าเร่ โดยขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างตระเวนขายของตามหมู่บ้าน ขณะนายมะยาลีพร้อมกับลูกชายขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เพื่อไปซื้อปลาที่ท่าเทียบเรือในตัวเมืองปัตตานี เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิงจนเสียชีวิต
ต่อมาเมื่อเวลา 06.10 น.วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสายบานา-แหลมนก หมู่ 3 ต.บานา จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพนางนาซีเราะ อาแว อายุ 22 ปี ถูกยิงที่ลำคอ 2 นัด ห่างจากศพไป 3 เมตร พบรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บ 1 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี ทราบชื่อคือ นายอับดุลตอเละ มูซอ อายุ 30 ปี สามีของผู้ตาย ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่ข้อมือขวา 1 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นพ่อค้าเร่ ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างตระเวนขายของตามหมู่บ้าน ขณะที่นายอับดุลตอเละขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพาภรรยาไปซื้อปลาที่ท่าเทียบเรือ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์แซงขึ้นหน้า จากนั้นคนร้ายได้เลี้ยวรถกลับมายิงนายอับดุลตอเละถูกที่ข้อมือ นายอับดุลตอเละจึงจอดรถแล้ววิ่งหลบหนี คนร้ายวิ่งไล่ตามหมายยิงซ้ำ แต่ไม่ทันจึงหันมายิงนางนาซีเราะจนเสียชีวิต
ปะทะโจรใต้ตาย 4 จนท.เจ็บ 1
ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 06.30 น.วันเดียวกัน พ.ท.วรเทพ บุญญะ ผบ.ฉก.นราธิวาส 37 พ.ท.ศักดิ์วุฒิ วงศ์วานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส 34 พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.ทพ.41 พ.ต.ท.ณรงค์ ธนานันทกุล ผบ.ฉก.ตชด.44 และ ร.อ.ขวัญเอก รัชดาธนวัฒน์ ผบ.ร้อย.ร.1742 ฉก.นราธิวาส 37 สนธิกำลัง 70 นาย เข้าตรวจค้นบ้านพักไม่มีเลขที่ บนเทือกเขาหลังหมู่บ้านไอร์กาแซ หมู่ 6 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร เมื่อไปถึงคนร้ายที่อยู่ในบ้าน 6 คน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงและข้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันนาน 15 นาที คนร้ายที่อยู่ในบ้านพากันกระโดดหนีออกทางหน้าต่างและประตูหลัง 4 คน และเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังล้อมอยู่รอบนอก ประมาณ 5 นาที เสียงปืนจึงสงบ ต่อมาคนร้ายอีก 2 คน ที่ยังกบดานอยู่ในบ้าน ได้ตะโกนขอมอบตัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว ทราบชื่อคือ นายมะเปาซี รือสะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 6 บ้านไอร์กาแซ และนายอาปะ สะมะแอ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209 หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันเคลียร์พื้นที่โดยรอบ พบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงปะทะ 4 คน ทราบชื่อคือ นายมะแซนซูดิง มะสา นายมามะ โต๊ะเจ๊ะ นายรัสซูรู และนายจูเฮาะ ทั้งสี่คนมีภูมิลำเนาอยู่ อ.รือเสาะ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดปืนเอ็ม 16 ได้ 2 กระบอก โทรศัพท์มือถือ และเป้สนาม ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ อส.ทพ.ยะยา ซาเม็ง สังกัดกรมทหารพรานที่ 41
พ.อ.สมพล ปานกุล รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่เป็นผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ และมีบัญชีรายชื่ออยู่ในกลุ่มของคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุดักยิงทหาร ร้อย.ร.1742 ฉก.นราธิวาส 37 เสียชีวิต 3 นาย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา สาเหตุที่กลุ่มคนร้ายเข้ามากบดานในพื้นที่ช่วงนี้ จะได้เร่งสอบขยายผลจากคนร้าย 2 คน ที่จับกุมตัวได้อีกครั้ง ว่ามีแผนการเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ใด
"อภิสิทธิ์"รับหนักใจดับไฟใต้
เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกันที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วิกฤติชายแดนใต้จะยุติลงได้อย่างไร” จัดโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร ตอนหนึ่งว่า ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ฝังรากลึกมานาน หลายยุคหลายสมัยที่การดำเนินการในเชิงนโยบายถูกต้อง ก็สามารถลดปัญหาไปได้มาก ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา หลายเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงกว่าเดิม
"ยอมรับว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ รู้สึกหนักใจมาก เพราะรู้ว่าหลายครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย สังคมมักคาดหวังว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรมและรวดเร็ว แต่เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ย่อมรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในยุคหนึ่งเพราะคิดว่าปัญหาลดน้อยลงแล้ว จึงใช้ความรุนแรงเข้าเผด็จศึก ซึ่งมันไม่ใช่ และกลายเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ความรุนแรงกลับมา ดังนั้นเราไม่สามารถเนรมิตปัญหาให้จบลงในเวลาสั้นๆ แต่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยจัดตั้งองค์กรเฉพาะขึ้นมาบริหารและดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องเชื่อมโยงกลับมาสู่ฝ่ายการเมืองและฝ่ายนโยบายเป็นหลัก เพื่อให้มีหลักประกันเรื่องความรับผิดชอบ หลังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถูกยกเลิกไป และเพิ่งฟื้นมาใหม่ในรัฐบาลชุดก่อน แต่ยังไม่สามารถเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้เร่งรัดเรื่องการจัดงบกลางปี 1,100 ล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นเบี้ยภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ 2,500 บาทต่อเดือน
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาระยะยาว ครม.ได้อนุมัติกรอบงบประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี 2553-2555 ทั้งนี้จะมีการทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะการต่ออายุพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่า ในการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 14 เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ครม.ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะเพิ่งเข้ามาบริหารงาน จึงต้องอนุมัติตามที่ฝ่ายปฏิบัติเสนอมา หากดูสถิติในพื้นที่จะพบว่าความถี่ในการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบลดลง แต่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่และงบประมาณลงไปในพื้นที่มหาศาล ซึ่งจะทำอย่างนี้ตลอดไม่ได้
“ถ้ามีโอกาสผมจะนำ ครม.และผู้ปฏิบัติงานลงไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆ เพื่อนำมาปรับแนวทางในการทำงาน สมมติว่าผมอยู่ได้ครบวาระตามรัฐธรรมนูญ เวลาที่มีก็ยังไม่พอที่จะทำให้ปัญหาภาคใต้สงบลงได้ อีกทั้งแนวทางนี้ในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง มักถูกฝ่ายตรงข้ามตอบโต้อย่างแรงเป็นพิเศษ แต่เราก็จะเชื่อมั่น อดทน และสานต่อแนวทางนี้” นายกฯ กล่าว