40ปีมิตร ชัยบัญชา... | คมชัดลึก

 มิตร ชัยบัญชา ตายด้วยอุบัติเหตุขณะถ่ายทำหนังที่พัทยา ชลบุรี ในเช้าวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เมื่อศพของเขาเคลื่อนมาที่กรุงเทพฯ วัดแคนางเลิ้ง จำได้ว่ามีผู้คนมากมายที่ไปรอรดน้ำศพจนกระทั่งขวดน้ำอบกองโตเป็นภูเขาอยู่ในวัด

 เจ้าหน้าที่ต้องยกศพมิตร ชัยบัญชา ขึ้น เพื่อให้ผู้คนได้แลเห็นหน้ากันทั่วถึงเป็นครั้งสุดท้าย ถึงจะนำร่างของเขาวางลงในโลงได้โดยไม่เกิดจลาจล

 ประวัติ มิตร ชัยบัญชา เล่นหนังนับแต่ปีพ.ศ. 2500-2513 มากกว่า 266 เรื่อง เฉลี่ยแล้วปีละกว่า 120 เรื่อง ถ่ายหนังในวันเดียวกันวันละ 4-5 เรื่อง ในบรรดาหนังไทยที่มีอยู่ในช่วงนี้ มากกว่า 300 เรื่อง เป็นหนังที่มีมิตร ชัยบัญชาเป็นพระเอกมากถึงกว่าร้อยละ 86

 ในประวัติศาสตร์หนังไทยคงจะไม่มีพระเอกคนใดยิ่งใหญ่เท่านี้อีกแล้ว

 กล่าวกันว่าในแต่ละปี มิตร ชัยบัญชา จะหยุดถ่ายหนังเพียงวันเดียวเท่านั้น คือวันที่ต้องไปเสียภาษีอากรอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้แก่รัฐ ใครบางคนรู้เอาไว้ให้ละอายใจบ้างก็ยังดี

 มิตร ชัยบัญชา นับเป็นดารานักแสดงในยุคต้นๆ ที่คิดจะเอาดีทางการเมืองเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง 2 ครั้ง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพฯ กับ ส.ส.กรุงเทพฯ

 แม้ว่าทั้งสองครั้งจะไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ก็สามารถเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นขวัญใจคนกรุงเทพฯ ได้ ในการเมืองแบบระบบทหารที่เป็นอยู่ในขณะนั้น นี่พรรคประชาธิปัตย์รุ่นใหม่ก็ควรจะรู้เอาไว้ด้วย

 มิตร ชัยบัญชา ตายอย่างน่าเศร้า ในขณะที่รุ่งโรจน์และยังอยู่ในวัยแค่ 36 ปี เขาเป็นที่รักของแฟนหนังทั่วประเทศ เมื่อเขาตายโรงหนังในต่างจังหวัดเกือบทุกโรงก็ว่าได้ ตั้งรูปถ่ายของเขาเอาไว้หน้าโรงหนังให้คนมาจุดธูปไหว้ หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเรื่องของเขาบนหน้าแรกอยู่นานหลายเดือน และในวันงานพระราชทานเพลิงศพ มีประชาชนหลั่งไหลไปร่วมอาลัยรักในงานมากกว่า 3 แสนคน

 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนถึงในขณะนั้นว่า นับเป็นงานศพสามัญชนที่มีผู้ไปร่วมงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์

 ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ครั้งหนึ่งหนังไทยคือ มิตร ชัยบัญชา และมิตร ชัยบัญชา ครั้งหนึ่งคือหนังไทย จนกลายมาเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของหนังไทยอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ในสถานที่ที่เขาตกจากเฮลิคอปเตอร์ลงมา ก็ยังมีการสร้างศาลขึ้นไว้ให้คนที่รักเขาได้มากราบไหว้บูชา

 มิตร ชัยบัญชา นี่แหละครับ คือพระเอกตลอดกาลตัวจริงของคนไทย

 ขณะที่เขียนนี้ได้ดูหนัง มิตร ชัยบัญชา ทางทีวีช่อง 7 ได้ความคิดอย่างหนึ่งว่า หนังไทยยุคเก่านั้นมักจะมีความรักชาติรักแผ่นดินถิ่นเกิดอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับที่ทั้งพระเอกผู้ร้ายต่างก็เป็นนักเลงลูกผู้ชายแท้คล้ายๆ กันคือ ดีหรือเลวไม่สลับซับซ้อนจนยากที่จะจินตนาการถึง

 ต่างจากหนังละครตลอดจนการเมืองและสังคมไทยเท่าที่ได้ดูในทุกวันนี้มากๆ ทีเดียวครับ