
ผอ.แจงรถตู้ตกทางด่วนไม่เกี่ยวกับร.ร.
เหยื่อรถตู้ตกทางด่วนเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 9ศพ หมอรพ.รามาฯ ไม่กล้าปล่อยผู้ป่วยกลับบ้าน หวั่นติดเชื้อตายซ้ำรอย "ซานติก้าผับ"
(1พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีรถตู้ตกทางด่วนพระราม 6 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 8 คน และได้รับบาดเจ็บ 9 คนล่าสุดพ.ต.อ.สมศักดิ์ วิมานรัตน์ ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดี ตำรวจ สน.ทางด่วนจะเป็นผู้รับผิดชอบสอบสวน สำหรับกรณีที่รถตกลงมาจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สน.บางซื่อจะรับผิดชอบ โดยจะสอบสวนว่าใครเป็นคนขับรถคันเกิดเหตุจะถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่หากคนขับเสียชีวิตถือว่าเป็นโมฆะ เพราะไม่สามารถเอาผิดผู้ใด
พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนรายชื่อผู้เสียชีวิต ตอนนี้ทราบชื่อเพียง 2 คน คือ นายพิเชษฐ์ เคลือบไทย และนางลำดวน เมาเพชรกาจ ส่วนรายที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่ผู้บาดเจ็บทั้ง 9 คน ทราบชื่อแล้ว 8 คน โดยรักษาอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี 6 คน คือ นายสมชาย ก่อความดี อายุ 18 ปี นายวีรพงษ์ ว่องไว อายุ 41 ปี ด.ช.ธนชิต จองคำ อายุ 12 ปี นางจันทร์จิรา ภูอุทา อายุ 17 ปี นายวิโรจน์ ปานสมบัติ อายุ 56 ปี และ ด.ช.พงศกร กุณะ อายุ 5 ขวบ ที่ รพ.พระมงกุฎฯ มี 2 คน คือ นายสุรชัย พลช่วย อายุ 20 ปี และนางพรรณี กุนะ อายุ 23 ปี ที่ รพ.ราชวิถี มี 1 คน คือ นางอรชร บุญจือ อายุ 36 ปี ล่าสุดได้รับรายงานว่าเสียชีวิตแล้ว
พ.ต.ท.ภาดา อัครานิธิ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทางด่วน 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นรถตู้คันดังกล่าวขับพุ่งชนแท่งปูนซึ่งเป็นทางแยกบนทางด่วน เป็นเหตุให้รถตกลงพื้นด้านล่าง และทราบว่าไม่มีรถคู่กรณี ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตามสำหรับการสอบปากคำคนเจ็บคงต้องรอให้พ้นจากอาการบาดเจ็บก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถให้การได้ โดยเมื่อสอบสวนได้ข้อเท็จจริงแล้วก็จะแจ้งข้อหาคนขับต่อไป สำหรับรถตู้ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถที่ใช้แก๊สเอ็นจีวี และเป็นรถของบริษัท เอสเอ็มที ลิสซิ่ง ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการซื้อขายต่อกันมาหรือไม่อย่างไร
ตร.ตั้ง4ข้อหาหนักโชเฟอร์รถตู้เถื่อนมรณะ
พ.ต.ท.วาทิต อิฐธกุล พนักงานสอบสวน (สบ 2) งาน ควบคุมจราจรทางด่วน 2 กล่าวว่า จากการสอบสวนคดีรถตู้ตกทางด่วนนั้น ขณะนี้พบว่า ผู้ที่มีความผิดนั้น คือนายวิโรจน์ ปานสมบัติ อายุ 56 ปี คนขับรถตู้ โดยคาดว่าจะสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้ถึง 4 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต โดยมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท , ข้อหาต่อมาคือ การใช้รถผิดประเภท
เพราะจากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าว เป็นรถตู้เถื่อนที่รับส่งผู้โดยสารจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อไปส่งที่ขนส่งหมอชิต ซึ่งเป็นการใช้รถผิดประเภท , รวมทั้งมีการบรรทุกผู้โดยสารเกิดกว่ากฏหมายกำหนด เพราะรถคันดังกล่าวสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 12 คน แต่จากการสอบสวนพบว่า ในวันเกิดเหตุมีผู้โดยสารถึง 17 คน รวมทั้งคนขับด้วย และประการสุดท้ายคือ ไม่มีใบอนุญาติประกอบการขนส่งสาธารณะ
ผอ.แจงรถตู้ตกทางด่วนไม่เกี่ยวข้องกับร.ร.
น.ส.ศรีสมร ศิริปัญจนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนปัญจนะวิทย์ เปิดเผยว่า ตามข่าวที่นำเสนอออกไปเกี่ยวกับกรณีรถยนต์ตู้ซึ่งกระจกหน้าติดสติกเกอร์ว่า โรงเรียนปัญจนะวิทย์ที่เกิดเหตุตกจากทางด่วนย่านพระราม 6 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บตามข่าวที่เสนอออกไปนั้น เรื่องนี้ทางโรงเรียนของชี้แจงว่ารถยนต์ตู้คันดังกล่าวมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางโรงเรียนแต่อย่างใด เป็นเพียงรถตู้ที่ทางโรงเรียนเคยว่าจ้างให้มารับส่งนักเรียนแทนเมื่อช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรถร่วมรับส่งนักเรียนของโรงเรียนที่มีประจำอยู่จำนวน 2 คัน ได้เกิดเสียไป 1 คันต้องเข้าซ่อมเป็นระยะเวลา 1 เดือน ทางโรงเรียนจึงได้ว่าจ้างให้รถตู้คันดังกล่าวเข้ามาวิ่งรับนักเรียนแทน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งเจ้าของรถตู้ได้ขอติดสติ๊กเกอรที่หน้ารถเพื่อความสะดวกแก่ผู้ปกครองนักเรียนจะได้เห็นเด่นชัดในการวิ่งเข้าไปรับส่ง หลังจากรถรับส่งของโรงเรียนทำการตรวจซ่อมแล้วเสร็จ ทางโรงเรียนก็ได้เลิกจ้างรถตู้คันดังกล่าว
น.ส.ศรีสมรกล่าวต่อว่า เรื่องจะเอาผิดกับเจ้าของรถที่นำสติ๊กเกอร์ชื่อของโรงเรียนไปติดจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนนั้น ขอบอกตามตรงว่าครั้งแรกคิดว่าจะเอาเรื่องแต่พอมาเห็นสภาพแล้วตนจึงเกิดความคิดว่าแค่นี้เขาก็สาหัสพอแล้ว จึงไม่อยากเอาเรื่องกลับเจ้าของรถแต่อย่างใด แต่หากมีครั้งต่อไปคงจะต้องมีการเอาผิดอย่างแน่นอน
ทั้งนี้เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี พร้อมด้วย รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิป รอง ผอ.รพ.รามาธิบดี และ ผศ.นพ.ปรีดา สำฤทธิ์ประดิษฐ์ หัวหน้าฝ่ายอุบัติเหตุไฟไหม้ รพ.รามาธิบดี ร่วมกันแถลงข่าวอาการของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์รถตู้ตกจากทางด่วน
รศ.นพ.ธันย์ กล่าวว่า รพ.รามาธิบดีได้รับผู้บาดเจ็บไว้ 6 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอาการสาหัส โดยนายวีรพงษ์มีอาการหนักที่สุด ตามร่างกายมีแผลเกิดจากไฟไหม้ร้อยละ 50 แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และตอนนี้ส่งนายวีรพงษ์ไปรักษาต่อที่ รพ.จุฬาฯ เนื่องจากที่ รพ.รามาธิบดี มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไฟไหม้เพียงเตียงเดียว ตอนนี้ใช้รักษาอาการของ ด.ช.พงศกร ซึ่งอาการสาหัสต้องอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากถูกไฟไหม้ตามร่างกายร้อยละ 30 ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยังมีอาการกระดูกข้อเท้าซ้ายหัก ถือว่าเป็นคนไข้ที่อาการหนักสุดสำหรับผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลรับรักษาในเวลานี้ ทั้งนี้แม่ของ ด.ช.พงศกร คือนางพรรณี กุณะ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า
รศ.นพ.ธันย์ กล่าวอีกว่า ส่วนนางจันทร์จิรามีอาการสำลักควันไฟ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอดูอาการในหอพักผู้ป่วยไฟไหม้ ขณะที่ ด.ช.ธนชิตกระดูกขาข้างซ้ายหัก มีเลือดออกที่ช่องท้องต้องผ่าตัดขาและใช้เหล็กดามไว้ ตามร่างกายถูกไฟไหม้ร้อยละ 10 ส่วนนายวิโรจน์ซึ่งเป็นคนขับรถคันที่เกิดเหตุ กระดูกซี่โครงหักหลายท่อน และเลือดออกในช่องปอด และนายสมชายอาการสำลักควัน กระดูกสันหลังทรุด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยทั้งหมดต้องรอดูอาการ ยังไม่สามารถพูดอะไรได้
"สำหรับผู้ป่วยทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้กลับบ้านได้ แม้ว่าหลายคนดูภายนอกจะหายดีแล้ว แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องให้แพทย์พยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าหากให้กลับบ้านอาจเกิดอาการติดเชื้อและเสียชีวิตในภายหลังเหมือนอย่างผู้ป่วยที่ซานติก้าผับ" รศ.นพ.ธันย์ กล่าว