'ม.จ.จุลเจิม'ปัดเข้าพท.ยันเข้าใจผิดกัน | คมชัดลึก

(14พ.ย.) ภายหลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะมี "หม่อมเจ้า" รุ่นสุดท้ายสมัครเข้าพรรคเพื่อไทย โดยมีรายงานข่าวว่ามีการติดต่อผ่านทางคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งกระแสข่าวระบุว่าบุคคลชั้นสูงดังกล่าวคือ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ "ท่านใหม่" นั้น ล่าสุด พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
 พล.ต.ม.จ.จุลเจิม กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพื่อลงสมัคร ส.ส.กทม.ว่าไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้อายุมากแล้ว และไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง ข่าวที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด
 "ผมยอมรับว่าได้พบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จริง แต่ไม่เคยคุยเรื่องการเมืองเลย โดยเฉพาะพล.อ.ชวลิต ต้องยอมรับว่า ในอดีตท่านเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก และนายกรัฐมนตรี และเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาผม สมัยที่ผมรับราชการอยู่กรมราชองครักษ์ ซึ่งการที่ผมไปหา พล.อ.ชวลิต เพราะอยากให้ท่านช่วยสนับสนุนหาสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลราชวิถี ที่ผมรับผิดชอบดูแลอยู่ก็เท่านั้น เช่นเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นบุคคลที่ผมเคารพนับถือรู้จักกัน และมีกว้างขวางรู้จักบริษัทต่างๆมากมาย ก็ไปหาเพื่อขอการสนับสนุนทีมบอลเช่นกัน" พล.ต.ม.จ.จุลเจิม กล่าว
 พล.ต.ม.จ.จุลเจิม กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวยินดีช่วยเหลือสนับสนุนมูลนิธิไทยพึ่งไทย และโครงการแก้วตาดวงใจฯ ของคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะเป็นโครงการที่ดี แต่ขออยู่เบื้องหลังกับโครงการต่างๆ ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ทั้งนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการคุยการเมืองอะไรเลย และคุณหญิงสุดารัตน์ก็ไม่เคยเอ่ยปากชักชวนเล่นการเมือง ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้ รวมถึงตนไม่สนใจการเมืองเลย อยู่เฉยๆ สบายกว่า เพราะการเมือง หากดีก็เสมอตัว ถ้าไม่ดีก็ถูกขุดคุ้ย เพราะฉะนั้นขอบอกตรงนี้ตรงๆ เลยว่า ไม่อยากยุ่งการเมือง
 พล.ต.ม.จ.จุลเจิม กล่าวอีกว่า สงสารก็แต่คุณหญิงสุดารัตน์และ พล.อ.ชวลิต ที่โดนพาดพิงถึงด้วย แต่ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าท่านจะทำร้ายสถาบัน และยินดีที่จะอธิบายให้เข้าใจว่าท่านไม่ใช่คนอย่างนั้น อย่างไรก็ตามขอยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่อยู่ในสถานะที่จะเล่นการเมืองได้ จึงขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย
 ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า รู้จัก พล.ต.ม.จ.จุลเจิม และพล.ต.ม.จ.จุลเจิมเคยนัดพูดคุยกับตนเมื่อหลายเดือนก่อนจริง ซึ่งเป็นการหารือถึงโครงการแก้วตาดวงใจ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งท่านใหม่ยินดีที่จะให้การสนับสนุนโครงการ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำคุณประโยชน์ให้สังคมส่วนรวม พร้อมกันนี้ยังได้หารือถึงเรื่องการทำสโมสรฟุตบอลราชวิถี โดยขอให้ตนช่วยหาสปอนเซอร์ให้ทีมสโมสรดังกล่าว
 "ขอยืนยันว่าการพูดคุยในครั้งนั้นไม่มีการพูดถึงเรื่องการเมือง ประกอบกับไม่เคยพบกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งดิฉันรู้ดีว่าเรื่องใดควร เรื่องใดไม่ควร ไม่เคยคิดที่จะดึงฟ้าต่ำแต่อย่างใด" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
 นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงทราบข่าวว่าจะมีหม่อมเจ้าเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิตเคยเกริ่นเอาไว้ แต่จะไม่มีการเปิดเผยชื่อจนกว่าจะมีการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องดีที่มีบุคคลเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าข้อกล่าวหาที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยจะล้มเจ้านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องจริง เพราะเท่าที่ทราบบุคคลที่มีฐานันดรศักดิ์ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น มีไม่ต่ำกว่า 1 คน
 เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความเห็นอย่างไรในการที่จะมีราชินิกุลเข้ามาร่วมงานกับเพื่อไทย นายนพดล กล่าวว่า โดยหลักการ พ.ต.ท.ทักษิณเห็นด้วยกับทุกคนที่รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค ไม่ว่าจะเป็นกรรมกรหรือราชินิกุล แต่ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะมีราชินิกุลมาร่วมงานกับพรรค

ปัด"แม้ว"หนุน"สนั่น"แลกนิรโทษฯ

 นายนพดล ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะสนับสนุนให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นนายกรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเพื่อแลกการนิรโทษกรรม ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพล.ต.สนั่นรู้จักกันมานาน บุคคลทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องส่วนตัวในการพบกันครั้งล่าสุดที่ประเทศนอร์เวย์ จึงไม่มีการหารือถึงเรื่องนายกฯ และเรื่องนิรโทษกรรม พูดคุยถึงแนวทางการสร้างความปรองดองซึ่ง พล.ต.สนั่นได้เดินมาถูกทางแล้ว แต่จะได้ต่อได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจ
 นายนพดล กล่าวอีกว่า การพบปะของ พล.ต.สนั่นและ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ได้มีการทำปฏิญญานอร์เวย์ ตามที่สื่อบางสำนักกล่าวอ้าง ดังนั้นขอให้หยุดการทำลายความน่าเชื่อถือในความปราถนาดีของ พล.ต.สนั่นด้วย

คลิป"วิรัช-พสิษฐ์"ภาค 2 ว่อนยูทูบอีก

 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ตั้งกรรมการสอบสวนนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง เเละทีมทนายความต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนายวิรัชไปปรากฏตัวบนคลิปเเละได้หารือกับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่า หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีการสรุปเรื่องส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเเละหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว อยากถามว่าทำไมถึงเงียบไป ไม่มีการดำเนินการใดๆ เหมือนหงุบหงิบเฉไฉไปเรื่อย และขอถามว่าการกระทำของนายวิรัชผิดวินัยและข้อบังคับพรรคหรือไม่ จะมีการขับออกจากพรรคหรือไม่ ล่าสุด ก็พบว่ามีคลิปของนายวิรัชตอนใหม่ ที่ไปพบกับนายพสิษฐ์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทูบแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้นักวิชาการและสื่อมวลชนเข้ามาตรวจสอบกรณีนี้
 นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า  ส่วนกรณีคลิปโกงข้อสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้น อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องนี้ว่า  มีการโกงข้อสอบภายในศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะล่าสุดพรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องจากข้าราชการซี 9 คนหนึ่งในศาลรัฐธรรมนูญ อักษรย่อ “ส” แจ้งมาว่า เป็นคนดำเนินการจัดสอบในครั้งนั้นและได้ถอนตัวจากการเป็นกรรมการคุมสอบ หลังจากรู้ว่าการสอบไม่ชอบมาพากล โดยได้ทำหนังสือไปถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับการสอบดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง และเกรงว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลัง จึงอยากให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร มีข้าราชการทำหนังสือไปถึงจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง ก็สะท้อนชัดเจนว่าการสอบครั้งนั้นไม่โปร่งใส

ปชป.จี้ล่าตัวมือปล่อยคลิปให้ถึงที่สุด

 ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะดำเนินการกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในกรณีที่สั่งปิดเว็บไซต์ที่เผยแพร่คลิปเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะเป็นคนเริ่มตัดต่อคลิปออกมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูบ และมีการบิดเบือนความจริง จะรับผิดชอบตรงนี้อย่างไร แต่ยืนยันว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด หากพบว่าผู้ใดมีส่วนจัดฉาก หรือเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปดังกล่าว และคุกคามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้ยังมีขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ พยายามทำให้เข้าใจผิดว่า การพิจารณาครั้งนี้ 2 มาตรฐาน ทั้งที่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ แตกต่างจากการยุบพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน
 นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นเรื่องคลิป และเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญหาคนกลางมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะเกรงว่าศาลจะแต่งตั้งคนมาไม่เป็นกลาง และมีปัญหาในการตรวจสอบ แต่ความเห็นของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรวจสอบนั้น ตนสนับสนุน เพื่อหาความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว

"นักการเมือง-แดง"แห่ร่วมงานศพสมัคร

 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานพระราชทานเพลิงศพนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เมรุหลวง วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 14 พฤศจิกายน ว่ามีบุคคลสำคัญมาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และประชาชนทั่วไป เดินทางมาไว้อาลัยอย่างคับคั่ง
 โดยเมื่อเวลา 14.00 น. ขบวนอิสริยยศได้เชิญโกศบรรจุศพนายสมัครขึ้นสู่เมรุหลวง จากนั้นมีการแสดงโขนหน้าไฟเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นางลอย โดยนักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นกรณีพิเศษ และทำพิธีพระราชทานเพลิงศพในเวลา 16.00 น.

เพื่อไทยยก"สมัคร"ปูชนียบุคคล

 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสมัครเป็นแบบอย่างของนักการเมือง เป็นคนที่ไม่ยอมให้อธรรมมาครอบงำ ไม่เกรงกลัวผู้ใด และเป็นคนจริงจัง มั่นคง เสมอต้นเสมอปลาย กรณีที่พ้นจากตำแหน่งนายกฯ นั้น ชาวต่างชาติมองว่าเป็นเรื่องตลกมาก เพียงเพราะทำกับข้าวออกโทรทัศน์ แต่คนอื่นทำผิดเยอะแยะไม่เห็นเป็นอะไร ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกปลายแถว หากเทียบกับนายสมัคร สมัยที่ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลนายสมัคร ได้จดจำวิธีการทำงานของนายสมัครมาบ้าง นายสมัครถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญยิ่งของชาติไทยเลยทีเดียว วันนี้นายสมัครจากไปก็รู้สึกเสียใจ
 นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า นายสมัครเป็นนักการเมืองที่หายาก และเป็นนักการเมืองที่เป็นมิตรแท้ และไม่สร้างศัตรูกับใคร เป็นตัวอย่างที่ดีของนักการเมือง ในการพูดจริงทำจริง นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย

แดงรำลึก 6 เดือนวันตาย "เสธ.แดง"

 เมื่อเวลา 17.30 น. คนเสื้อแดงประมาณ 300 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมราชาอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 (สวนลุมพินี)  เพื่อร่วมรำลึกการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ครบรอบ 6 เดือน ซึ่งคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งแต่งกายในชุดสีดำ เดินทางมาจากงานพระราชทานเพลิงศพนายสมัคร สุนทรเวช ที่วัดเทพศิรินทราวาส ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรึงกำลังโดยรอบ
 ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาวของ พล.ต.ขัตติยะ ได้ถือรูป พล.ต.ขัตติยะ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนเสื้อแดงที่ยังคิดถึง พล.ต.ขัตติยะ โดยคนเสื้อแดงตะโกนให้กำลังใจ น.ส.ขัตติยา เป็นระยะๆ บางคนถึงกับร่ำไห้ออกมา จากนั้นเวลา 18.00 น. คนเสื้อแดงร่วมกันร้องเพลงชาติและได้จุดเทียนที่บริเวณลานพระบรมราชาอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 เพื่อร่วมไว้อาลัย ก่อนที่คนเสื้อแดงประมาณ 100 คน จะพร้อมใจลงไปนอนกับพื้น แสดงการแกล้งตาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตในการสลายการชุมนุม พร้อมกับตะโกนว่า "ที่นี่มีคนตาย"  เสียงดังกึกก้อง ทั้งนี้มีการนัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่แยกราชประสงค์
 น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า จะมีการจัดกิจกรรมรวมตัวคนเสื้อแดงทุกวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือน เน้นกิจกรรมร้องเพลงอ่านบทกวี ยืนยันว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย ส่วนความคืบหน้าของคดี พล.ต.ขัตติยะ ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โทรมาขอข้อมูล ซึ่งตนได้ให้ไปหมดแล้ว และอยากให้ภาครัฐออกมาชี้แจงให้สาธารณชนทราบว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ส่วนตนยืนยันว่า จะสานต่อพรรคขัตติยะธรรม ต่อไป

ร่างแก้ รธน. 2 ประเด็นเข้าสภาอังคารนี้

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ โดยเป็นการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจเดินทางไปประชุมเอเปค ที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงกรณีแผนการปรองดองและการปฏิรูปนั้นรัฐบาลว่า สัปดาห์ที่แล้วได้มีการเปิดเผยข้อเสนอออกมาแล้ว เช่น เรื่องของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่ตั้งใจจะเดินหน้าแก้ไขก่อนสองประเด็น และคาดว่าในวันอังคารที่ 16 พฤศจิกายนนี้ จะสามารถที่จะอนุมัติเพื่อเสนอต่อรัฐสภาได้ และจะให้งคณะกรรมการประสานงาน หรือวิปรัฐบาล พิจารณาดูว่าจะสามารถดำเนินการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณารับหลักการ ก่อนสมัยประชุมนี้จะสิ้นสุดลงปลายเดือนนี้ได้หรือไม่ รวมทั้งการประมวลความคิดเห็นของประชาชน ก็ได้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีถึงงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่มุ่งในเรื่องของการสร้างอนาคตที่เท่าเทียมและเสมอภาค สำหรับคนไทย 4 ด้านหลัก และได้มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบหลักไปแล้ว โดยแผนปฏิบัติการยังกำหนดเป้าหมายเดิม คือว่าจะให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้