พลุ...ปีกระต่ายสยองบึ้มใส่นายแบบหัวขาด
พลันที่เสียงดนตรีดังกระหึ่มพร้อมกับเสียงพลุกัมปนาท หมายถึงสัญญาณแห่งการนับถอยหลังวินาทีแห่งความสุขเพื่อต้อนรับปีใหม่ แต่กลับกลายเป็นวินาทีแห่งความโศกเศร้าของครอบครัว "สะอาด" เมื่ออดีตนายแบบหนุ่มแห่งวงการบันเทิง "หน่อย" หรือ "สมเจตน์ สะอาด" ต้องมาประสบอุบ
ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สมเจตน์ พาครอบครัวไปเช่าห้องพักที่สวนอาหารฟิชชิ่งปาร์ค เพื่อลงเล่นน้ำในแพ พอตกเย็นทุกคนก็อาบน้ำแต่งตัวเข้าไปในงาน ได้ที่นั่งเกือบรั้งท้ายเวที แต่พอตกดึกโต๊ะหน้าเวทีทยอยกลับ พวกเขาจึงย้ายโต๊ะเข้าไปนั่งหน้าเวทีแทน พร้อมนำพลุไปวางไว้แต่ยังไม่ได้จุด ก่อนเกิดเหตุมีการร้องเพลง ทุกคนก็ลุกขึ้นมาเต้น มีทั้งเด็กและผู้หญิง อดีตนายแบบก็ถือพลุไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งจับมือภรรยาไว้ จังหวะนั้นเอง เขามองเห็นพลุกระบอกหนึ่ง ที่อยู่ข้างเวทีมีควันขึ้นมา เขารีบปล่อยมือภรรยาเพื่อวิ่งไปดับพลุที่กำลังลุกไหม้อยู่
"แต่สายชนวนมันใหญ่ ดับไม่ได้ จึงระเบิดขึ้นมาก็โดนหน้าเขาเลย ช่วงนั้นควันเยอะมาก แต่พอมันหมดควันก็เห็นร่างเขาอยู่ตรงนั้น เราก็วิ่งเข้าไปแต่มันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ตกใจ ร้องไห้ แล้วเครื่องดนตรีอะไรทุกอย่างก็หยุด พอหยุดทุกคนก็ตกใจกับภาพที่เห็น มีแต่เสียงร้องไห้ ของญาติและแขก รวมถึงคนที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจ เพราะเหตุการณ์ไม่น่าเป็นแบบนี้" วิรัญชนา สะอาด ภรรยาของอดีตนายแบบเคราะห์ร้าย เล่าวินาทีแห่งความสูญเสีย
วิรัญชนา ยืนยันว่า สามีเป็นคนดี ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร เวลาเจอใครมักจะเอ่ยคำขอโทษที่เมื่อก่อนเขาเคยทำไม่ดีไว้ หรือเคยพูดอะไรไม่ดีไว้ เมื่อมีลูกเขาติดลูกมาก ทุกๆ เช้าเขาจะเป็นคนไปซื้อโจ๊กให้ลูกทุกเช้า
ด้าน พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ตำรวจกำลังรวบรวม พยานหลักฐานอยู่ แต่เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหา นายไพรัตน์ เจริญรื่น เจ้าของสวนอาหารวาสนาฟิชชิ่งปาร์ค กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งทางนายไพรัตน์ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เรื่องดังกล่าว เจ้าของร้านต้องเป็นผู้ดูแลด้านความปลอดภัย เนื่องจากพลุที่ผู้ตายนำมานั้นเป็นพลุขนาดใหญ่ ถ้าจุดโดยไม่มีการระมัดระวังจะเป็นอันตราย และเท่าที่สอบสวน ทราบว่าไม่ได้มีการนำพลุฝังไว้ในดินให้แน่น หรือมีอะไรตรึงไว้ เพื่อเตรียมจุด แถมยังนำไปวางไว้ด้านหน้าเวทีซึ่งมีประชาชนนั่งอยู่เป็นจำนวนมาก หากพลุเกิดทำงานขึ้นมาก็จะเกิดโศกนาฏกรรมมากกว่านี้
"คดีนี้เจ้าของร้านจึงต้องรับผิดชอบ ส่วนคนจุดแม้ว่าจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ต้องแจ้งข้อหาเดียวกัน คือกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท เพราะถึงแม้ว่า กฎหมายไม่ได้บัญญัติความผิดของผู้ที่เล่นหรือจุดพลุ แต่ถ้าจุดแล้วเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับอันตรายก็เอาผิดกรณีอื่นได้" พล.ต.ต.ปรีชา ระบุ
แม้ว่าคดีนี้ ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ไม่ได้เอาผิดกับผู้ที่จุดพลุ แต่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังดำเนินการสืบสวนต่อไปจนกว่าจะได้ความกระจ่าง พล.ต.ต.ปรีชา ฝากเตือนประชาชนว่า การจุดพลุต้องระมัดระวัง หากจะซื้อพลุ ควรเลือกชนิดที่ไม่รุนแรง และควรเลือกซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และได้รับคำแนะนำในการเล่นหรือการจุดอย่างถูกต้องปลอดภัย และฝากไปถึงร้านค้าพลุ อย่าเห็นแก่เงิน ลักลอบนำของรุนแรงมาแอบขาย ต้องคำนึงถึงอันตรายหากคนซื้อไม่มีความรู้ นำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เก็บไม่ดี จุดไม่เป็น หรือเล่นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะเกิดอันตราย และที่สำคัญหากประชาชนมีข้อมูลร้านขายพลุที่ใดต้องสงสัย จำหน่ายพลุโดยไม่มีใบอนุญาต หรือได้รับอนุญาตอย่างหนึ่งแต่กลับไปขายอีกอย่างหนึ่ง ช่วยแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นอีก
- อัจฉรา วิเศษศรี -