ข่าว

อียิปต์...

อียิปต์...

22 ม.ค. 2554

ผู้ที่ผมเคารพนับถือท่านหนึ่งชวนผมไปเที่ยวอียิปต์ นับว่าเป็นพระคุณและเป็นบุญตาแก่ผมมากที่ได้ไปเห็นพีระมิด และสฟิงซ์อันเลื่องชื่อของโลกที่ได้ดูแต่รูปภาพมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว

 ประเทศอียิปต์มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่กว่าประเทศไทยเกือบสองเท่า แต่ผู้คนอยู่กันในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็น 1 ใน 100 ส่วนของพื้นที่ประเทศเท่านั้น เพราะที่เหลือจากนั้นเป็นทะเลทรายอันเป็นส่วนหนึ่งของทะเลทรายซาฮารา

 อียิปต์จึงมีทั้งแม่น้ำและทะเลทรายที่ยาวและใหญ่ที่สุดของโลก

 ไปเที่ยวอียิปต์จึงนับเป็นบุญตาดังที่กล่าว ด้วยอียิปต์โบราณ หรือดินแดนไอยคุปต์ คือแหล่งอารยธรรมโลกที่เกิดก่อนแรกสุดเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว และที่น่าอัศจรรย์คือ หลายอย่างยังคงอยู่เหมือนเมื่อวันแรกสร้าง ท้าทายทั้งสายตาและสติปัญาของมนุษย์ยุคปัจจุบัน

 พีระมิดที่อยู่ใกล้กรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์มากที่สุดคือ มหาพีระมิดที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงกิซ่า มี 3 ลูกตั้งอยู่เรียงเคียงกัน ลูกที่ใหญ่สุดได้แก่ มหาพีระมิดคีออปส์ ที่โลกรู้จักดี มีความสูงขนาดตึก 70-80 ชั้น

 เมื่อวันที่ไปดูพีระมิด มีฝนโปรยปราย ลมพัดแรงและอากาศเย็นยะเยือก อยู่บนที่สูงแลเห็นส่วนหนึ่งของทะเลทรายเวิ้งว้าง ทั้งตึกรามบ้านช่องของเมืองไคโรที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไนล์ (รวมทั้งจานดาวเทียมด้วย)

 พีระมิดใหญ่ตั้งอยู่อย่างสงบเงียบ สมกับที่เป็นสุสานชั่วนิรันดร์ ผมลองเอามือแตะหินดู รู้สึกหนาวเข้าหัวใจ นี่คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคต้น หนึ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่จากกว่า 4,500 ปีก่อนมาจนถึงทุกวันนี้

 ความยิ่งใหญ่ของพีระมิดเท่าที่เห็นจากภายนอก คือ เทคนิคการใช้หินมหึมาแต่ละก้อนมาตัดตั้งวางเรียงกันขึ้นเป็นขั้น เป็นภูเขาสามเหลี่ยมอยู่บนฐานจัตุรัส เป็นศิลปะรูปทรงแบบเรขาคณิต ที่ทั้งเรียบง่ายคลาสสิก และชวนให้พิศวง

 พีระมิดคือสุสานที่เก็บฝังพระศพฟาโรห์ กษัตริย์อียิปต์ในยุคต้น ด้วยคติความเชื่อในการฟื้นคืนชีพหรือว่าการเกิดใหม่หลังความตาย ภายในพีระมิดแต่ละลูกจึงได้บรรจุฝังไว้ทั้งร่างกายอาบน้ำยาอย่างมัมมี่ ทรัพย์สมบัติมีค่าอย่างทองคำ เพชร พลอย อันเป็นเครื่องประดับทั้งของใช้ของรักของหวงต่างๆ และแม้แต่จนของกินอย่างอาหาร และน้ำดื่ม

 นักประวัติศาสตร์เรียกพีระมิดว่า คือบันไดของฟาโรห์ที่ใช้เดินขึ้นไปหาพระผู้เป็นเจ้า หรือว่าสุริยเทพ

 สถาปัตยกรรมที่ใช้คนนับแสนและใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 20 ปีอย่างมหาพีระมิดคีออปส์นี้ มีผู้เชื่อว่า น่าจะเป็นแรงงานที่ใช้ทักษะเป็นส่วนใหญ่ คงจะไม่ใช่แรงงานทาส เพราะจะต้องรู้ถึงน้ำหนักและรู้ความสูงต่ำของหินยักษ์แต่ละก้อนที่นำมาต่อเรียงกันให้ชิดติดสนิท ซึ่งจะต้องใช้ทั้งความประณีต แม่นยำ จนแทบจะไม่มีรอยต่ออย่างที่เห็น

 อย่าว่าแต่กระดาษจะสอดเข้าไปเลยครับ แม้แต่ลมหายใจก็เล็ดลอดเข้าไปไม่ได้ ผมว่า

 สำหรับสฟิงซ์ คือ รูปสลักหินทั้งแท่งเป็นสิงโตหัวคนหมอบอยู่ใกล้กับพีระมิด 3 ลูกนี้ นับเป็นสฟิงซ์ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้อยู่เคียงคู่กับพีระมิดทั้งสามนี้ตลอดมาในทะเลทรายนับหลายศตวรรษแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า ผู้สร้างเป็นใคร และสร้างขึ้นในสมัยใด ได้แต่สันนิษฐานกันว่า ใบหน้าของสฟิงซ์คงจะเป็นใบหน้าของฟาโรห์องค์ใดองค์หนึ่งเท่านั้น

 สฟิงซ์ได้สร้างความหลงใหลงุนงงให้แก่ผู้คนมาหลายศตวรรษแล้ว ขณะผมแหงนคอมองก็ตาลายตาพร่า มีแต่ความงุนงงเช่นเดียวกันครับ

 กล่าวกันว่า ฟาโรห์สร้างสฟิงซ์ขึ้นไว้ให้เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญากับพละกำลัง การสร้างพีระมิดที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เห็น ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น คือ คนอียิปต์ต้องใช้ทั้งพละกำลัง และปัญญารวมกัน