ข่าว

มทภ.2ชี้เขมรปักป้ายพระวิหารผิดข้อตกลง

มทภ.2ชี้เขมรปักป้ายพระวิหารผิดข้อตกลง

23 ม.ค. 2554

"เขมร” เมินทำลายป้าย “ผู้รุกรานรุกล้ำดินแดนเขมร” หลังวัดแก้วสิกขาฯเขาพระวิหาร ขณะ “ฮุน เซน” ลั่นถอนชาวบ้านออกจากพระวิหาร ตามเงื่อนไข ยูเนสโก้ ไม่ใช่ข้อเสนอของไทย

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. แหล่งข่าวตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่มีการทำลายป้ายที่สลักข้อความประนามคนไทยและทหารไทยบนแผ่นหินโดยระบุว่า “ผู้รุกรานผู้ล้ำดินแดนเขมร”  โดยป้ายดังกล่าวคาดว่าจะถูกสร้างขึ้นช่วงหลังจากที่มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา เรื่องการถอนกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งเดิมทีมีกำลังแต่ละฝ่ายอยู่ในวัดประมาณ 1 กองร้อย แต่เนื่องจากรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการวางกำลังจำนวนมากอยู่ในลักษณะเผชิญหน้ากันอย่างนั้น จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากเกินไป  จึงได้ตกลงกันว่าจะให้ลดกำลังลงเหลือฝ่ายละ 10 นายใส่ชุดเครื่องแบบและติดอาวุธประจำกาย ให้เข้าไปประจำอยู่ในวัดแก้วสิกขาฯ โดยมีหน้าที่เป็นชุดประสานงานข่าวรายงานความเคลื่อนไหวต่าง ๆ  และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 53 ที่ผ่านมาหลังจากที่รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าเหตุการณ์บนชายแดนเขาพระวิหารเป็นปกติแล้ว จึงได้มีข้อตกลงกันใหม่ว่าจะลดกำลังทหารลงเหลือฝ่าย 5 นายโดยจะใส่ชุดเครื่องแบบและไม่มีการติดอาวุธประจำกาย เพื่อลดความตึงเครียดลงอีก

            แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แต่หลังวันที่ 1 ธ.ค. 53  ทางกัมพูชากลับประโคมข่าวว่า ทหารไทยถอนกำลังออกจากวัดแก้วสิกขาฯ หมดแล้วและประกาศว่าวัดแก้วสิกขาฯอยู่เหนือบูรณภาพแห่งดินแดนกัมพูชา และคาดว่า ป้าย “ผู้รุกรานรุกล้ำดินแดนเขมร” จะถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้นเป็นต้นมา  โดยทางฝ่ายกองทัพได้มีการทำหนังสือประท้วงให้ทำลายป้ายนี้ไปหลายครั้ง แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติจนได้เกิดเป็นข่าวขึ้นมา ขณะที่นายทหารของกัมพูชาที่ดูแลพื้นที่เขาพระวิหารอย่าง พล.ท.ซะรัย  ดึ๊ก  ผบ.กองพลน้อยสนับสนุนที่ 3 ก็ยอมรับว่าลำบากใจต่อเรื่องนี้ และบอกว่าเขาจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเบื้องบน  การทำลายป้ายดังกล่าวก็ต้องได้รับคำสั่งจากสมเด็จฮุน  เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเท่านั้นจึงจะทำได้

            แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า สื่อกัมพูชาตีข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ สมเด็จฮุน   เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโดยระบุว่า การที่มีคำสั่งให้อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เขาพระวิหารไปอยู่พื้นราบบริเวณบ้านโกมุย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนอยู่ติดเขาพระวิหารฝั่งกัมพูชานั้นได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของยูเนสโก้  กรณีว่าหากจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จะต้องไม่มีคนอาศัยอยู่บริเวณรอบปราสาทเป็นอันขาด  โดยย้ำว่าการอพยพชาวบ้านดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเรื่องพื้นที่พิพาทชายแดนไทย - กัมพูชาแต่อย่างใด

มทภ.2ชี้เขมรปักป้ายพระวิหารผิดข้อตกลง

 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบุว่าทหารไทยจะต้องประสานให้ทหารกัมพูชารื้อถอนป้ายหินที่แสดงอาณาเขตว่าเป็นของประเทศกัมพูชาที่บริเวณหน้าวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ออกไปนั้นว่าขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 กำลังประสานให้ทหารกัมพูชารื้อถอนการสลักแผ่นหินที่มีข้อความภาษากัมพูชาประนามทหารไทยออกเนื่องจากพื้นที่วัดแก้วเป็นพื้นที่ปัญหาพิพาทในพื้นที่ชายแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งยังไม่มีการปักปันเขตแดนจึงถือว่าเป็นพื้นที่ของไทยเช่นกันและในข้อตกลงคือห้ามทั้งสองฝ่ายสร้างอะไรที่จะเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าของดินแดนเพิ่มขึ้นมาอีกซึ่งขณะนี้เรากำลังรอผลว่าทางกัมพูชาจะว่าอย่างไรแต่ถ้าหากกัมพูชาเขาไม่ยอมเราก็ต้องประท้วงตามขั้นตอนแต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถเจรจากันได้

ช่องสะงำคึกคักหลังปล่อย5คนไทย

 เมื่อวันที่23 ม.ค. ที่จุดผ่านแดนถาววรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ กลับมาคึกคักอีกรอบหนึ่งขั้นสภาวะปกติไม่มีแรงกดดันภายหลังจากที่ทางการกัมพูชาปล่อย 5 คนไทยกลับประเทศ ส่งผลการค้าการท่องเที่ยวที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ มีประชาชนจากฝั่งกัมพูชานับ1,000 คน ข้ามแดนนำสินค้าของป่า อาทิ กระบองหรือขี้ไต้ บรรทุกรถเข็นนำขายแก่พ่อค้าแม้ค้าคนไทยและไปซื้อหาสินค้าสำหรับการอุปโภคบริโภคฝั่งตลาดไทย

 ขณะเดียวกันรถบรรทุกพ่วงบรรทุกซีเมนต์จากฝั่งประเทศไทยนับ 10 คัน รอข้ามแดนหลังการตรวจตามขั้นตอนกระบวนด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด่านศุลกากร เพื่อนำส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างส่งพ่อค้าประเทศกัมพูชาอีกด้วย

 นายเกรียงศักดิ์ พวงพันธ์ ประธานตลาดช่องสะงำฝั่งไทย กล่าวว่า จากการที่ปล่อย 5 คนไทยส่งผลประชาชนคนไทย-กัมพูชามั่นใจด้านการค้า การขาย ซึ่งวันนี้เป็นตลาดนัดวันอาทิตย์ มีพี่น้องประชาชนคนกัมพูชาข้ามแดน เข้ามาจับจ่ายซื้อขายสินค้าเยอะมากขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มา อยากให้มีการค้าขยายเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นให้มากกว่านี้เพื่อรองรับการค้าขายในอนาคตด้วย

 นางสุก เค็ง แม่ค้าแลกเปลี่ยนเงินตรา ชาวเมืองอัลลองเวง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า อยากให้คนไทยคนกัมพูชามีการไปมาหาสู่กันอย่างปกติสุขให้คนทั้ง2 ชาติ ชาติประกอบสัมมาอาชีพการทำมาหากินอย่างมีความสุขไม่อยากให่มีเรื่องมีราวกัน ต่อตั้งแต่นี้ไปอย่าให้เกิดการระหองระแหงกันอีกเลยมันกระทบต่อประชาชนด้วยการ สังเกตว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์มีประชาชนพี่น้องกัมพูชาเข้ามาซื้อขายสินค้า นำสินค้ามาขายพี่น้องคนไทยเยอะกว่าเดิมมากภายหลังทราบข่าวทางการกัมพูชาปล่อย 5คนไทยกลับมาตุภูมิ