
ทหารปืนใหญ่ไทยเล็งเคลื่อนปะทะเขมร
ทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานสั่งเตรียมพร้อมสนับสนุนปกป้องอธิปไตยไทยที่เขาพระวิหาร ผบ.ทบ.ยันเหตุกระสุนปืนตกเริ่มจากฝั่งกัมพูชาก่อน จำลองชี้เหตุทหารเขมรยิงไทยเพราะอภิสิทธิ์อ่อนแอ
(4ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เวลา 18.00 น.วันที่ 4 ก.พ.54 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อขอทราบสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และท่าทีของ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่ง
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ทางกองทัพบกได้มอบหมายให้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เป็นผู้แถลงข่าวเท่านั้น ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 หลังได้รับรายงานสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูแล้วก็ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กองทัพบก จากสนามเฮลิคอปเตอร์กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปยังเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางไปถึงที่ อ.กันทรลักษ์ ก็ได้ประสานกับผู้บังคับบัญชาภาคพื้นที่ทหารของกัมพูชาเพื่อขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่ในทันทีจนในที่สุดเสียงปืนก็สงบลงเมื่อเวลา 17.45 น. ของวันนี้ 4 ก.พ.54 แต่ก็ยังมีเสียงการปะทะกันของกระสุนปืนเล็กอยู่ประปราย และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นหลังการปะทะพบว่าทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนอาร์พีจีเล็กน้อย 2 นาย และมีทหารหลัก 2 นาย และทหารพรานอีก 3 นาย ซึ่งเป็นทัพหน้าชุดเจรจาได้หายตัวไป คาดว่าอาจจะถูกทหารของกัมพูชาควบคุมตัวไว้ หรืออาจจะหลบอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเพื่อรอให้สถานการณ์สงบจึงจะเผยตัวออกมา
ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังเร่งเจรจากับผู้บังคับบัญชาของทหารกัมพูชาเพื่อให้ปล่อยจัวทหารทั้ง 5 นายแล้ว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านภูมิสรอล อ.กันทรลักษ์ ก็พบว่ามีบ้านเรือนราษฎรเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ของทหารฝ่ายกัมพูชา 2 หลัง แต่ไม่มีราษฎรไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.สำเริง สามดาว ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก ก็ได้สั่งการให้กำลังทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 4 หน่วยยิง และกำลังอีก 1 กองร้อยจำนวน 90 นาย เตรียมพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเสริมกำลังทหารในสังกัดกองภาคที่ 2 ที่ประจำการอยู่ที่เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย และเมื่อวันอังคารที่ 1 ก.พ.54 กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ก็ได้มีการฝึกดซ้อมการยิงปืนใหญ่และเตรียมพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ รถขนย้ายอาวุธและกำลังพลและเสบียง สัมภาระต่างๆ เพิ่อเตรียมพร้อมทุกด้านหากได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปสนับสนุนก็จะปฏิบัติการทันที
ด้าน นาวาอากาศเอก คงศักดิ์ จันทร์โสภา ผู้บังคับการกองบิน 1 กองพลบินที่ 2 ยังไม่ได้มีการสั่งการให้เตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษสำหรับฝูงบินรบทั้ง เอฟ 16 ที่ประจำการอยู่ในกองบิน 1 แต่อย่างใด แต่ฝูงบินทั้งเอฟ 16 ยังคงมีกำหนดการที่จะฝึกร่วมผสมคอปบาร์โกลล์ระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศสหรัฐอเมริการะหว่างวันที่ 7-17 ก.พ.54 ในพื้นที่เหนือน่านฟ้า จ.นครราชสีมา,ชัยภูมิ ,สุรินทร์และบุรีรัมย์ ตามปกติ โดยยังไม่ได้มีคำสั่งให้ยกเลิกกำหนดการฝึกร่วมผสมทางอากาศแต่อย่างใด โดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเตรียมนำเครื่องบินรบเอฟ 18 มาร่วมฝึกจำนวน 10 ลำ ในขณะที่กองบิน 1 กองพลบินที่ 2 จ.นครราชสีมาจะใช้เครื่องบินรบเอฟ 16 ประจำการอยู่ 2 ฝูง จำนวน 21 ลำ เข้าร่วมฝึกในครั้งนี้
กรมทหารราบที่8ระดมรถหุ้มเกราะ-ปืนใหญ่
แหล่งข่าวจากนายทหารในกรมทหารราบที่ 8 จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุไทยยิงปะทะกับกัมพูชาที่บริเวณทางด้านทิศตะวันตกของภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บและเสียชีวิตไป 1 ราย พร้อมทั้งบ้านเรือนชาวบ้านถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่เกิดไฟไหม้วอดไป 7 หลัง กรมทหาราบที่ 8 ได้คำสั่งตรงจากผู้ใหญ่ในกองทัพมาว่า ให้ทหารทุกนายเตรียมพร้อม 24 ซม.เพื่อระดมรถถัง รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ เตรียมเคลื่อนกำลังสมทบทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ และจังหวัดชายแดน ไทย-กัมพูชา เพื่อใช้อาวุธหนักตอบโต้ทหารกัมพูชาหากลุกล้ำอธิปไตย
โดยเฉพาะกองกำลังทหารจาก กรมทหารราบที่ 8 จำนวน 3 กองพัน ที่เดินทางไปฝึกรบตามแนวรอบชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุปะทะไม่ไกลนัก ขณะนี้ถูกสั่งให้หยุดฝึกชั่วคราว เพื่อเตรียมเดินทางเคลื่อนกำลังระดมรถถัง รถหุ้มเกราะ และปืนใหญ่ ปืนต่อสู้อากาศยาน ประชิดชายแดนรอคำสั่งตอบโต้ทหารกัมพูชาทันทีหากเหตุการณ์รุนแรงและบานปลาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นทหารและกองทัพรู้ดีว่าหากบุกสามารถยึดกัมพูชาได้ทันที เพราะอาวุธยุทธ์โทปกรณ์ของกองทัพไทยนั้นมีประสิทธิภาพเหนือกว่ามาก ซึ่งพูดตามจริงทหารไทยอยากบุก แต่มันติดอยู่หลายเรื่องจึงต้องรอคำสั่งก่อน
ผบ.ทบ.ยันเหตุกระสุนปืนตกเริ่มจากฝั่งกัมพูชาก่อน
พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวที่ จ.ตรัง ว่า เหตุการณ์การยิงปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ได้สั่งการไปแล้ว และกำลังหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร "เข้าใจว่าเกิดจากการเข้าใจผิดและมีการยิงเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาก่อน ยืนยันว่าการสู้รบไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เราต้องไม่ให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และนับจากนี้ดูเหมือนจะทำให้การสัญจรไปมาทั้งสองประเทศค่อนข้างลำบาก รวมทั้งการทำมาหากินของคนในพื้นที่ด้วย "
พล.อ ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงแรกเกิดปืนลั่นในฝั่งกัมพูชาก่อนซึ่งก็ไม่แน่ใจ จึงทำให้ฝ่ายไทยต้องยิงโต้ตอบ ไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิตใคร ย้ำว่าความรุนแรงจะทำให้เดือดร้อนกันทั้งสองฝ่าย ต้องช่วยกันเจรจาไปในทางที่สันติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องไปได้และต้องแก้ปัญหาอย่างมีสติ หากไม่มีเหตุผล ไม่ใช้กลไกเจบีซี ปัญหาก็จะเกิดขึ้น
จำลองชี้เหตุทหารเขมรยิงไทยเพราะอภิสิทธิ์อ่อนแอ
ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนและประชาธิปไตย แถลงว่า กรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ ซึ่งตนได้รับรายงานจากพธม.ในพื้นที่แล้ว ว่ามีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น โดยระบุว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ก่อน แต่เรื่องดัวกล่าวยังไม่ได้รับการยื่นยันว่าจริงหรือไม่ ส่วนความเสียหายก็ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะขณะนี้ยังมีการปะทะกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเราเองก็ไม่ได้แสดงอาการดีใจ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีแต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลทำตามที่พธม.เสนอแนะไปก่อนหน้านี้จำนวน 3 ข้อ คงไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้นแน่นอน เพราะถือว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนายกรัฐมนตรี พูดผิดมาตลอด โดยการยืนยันว่าจะดำเนินการอยู่ในกรอบของเอ็มโอยู 43 ที่ระบุว่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าเอ็มโอยู 43 ไม่มีความหมายไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษ
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นชนวนทำให้เกิดสงคราม เพราะเราพูดข้อเสนอต่อนายกฯมา 2 ปี แล้ว และเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ยืนยันว่าการแสดงแสงยานุภาพทางกองทัพ ที่พธม.เสนอไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้สนับสนุนการปะทะ เพียงแต่ระบุว่า การสะสมอาวุธ จะทำให้ไม่ให้เกิดสงคราม เพราะถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเรามีอาวุธที่เหนือกว่าการปะทะก็จะไม่เกิดขึ้น ดังสำนวนที่ตนเคยท่องไว้ตอนเด็กๆ ว่า “ แม้หวังรักสงบ พึงเตรียมรบให้พร้อมสรร ” ไม่ใช้หวังสงบแล้วนั่งอยู่เฉยๆ นอกจากนี้ยังได้รับรายงานข่าวล่าสุดด้วยว่ามีการเผาวัดแก้วศิขาคีรีฯ ส่วนจะรุกรามบานปลายหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ และข้อเสนอให้ที่จะเสนอคงไม่มี ขนาดข้อเสนอเก่านายกฯยังไม่ทำเลย จะไปหวังให้ทำเรื่องใหม่คงไร้ประโยชน์
“เหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าเขาเห็นนายกรัฐมนตรีของไทยในยุคนี้อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่พธม.เป็นตัวจุดชนวน แต่เป็นเพราะนายกฯไม่เชื่อเราและไม่ทำตามเราตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นสงครามก็ไม่เกิด” พล.ต.จำลองกล่าว
เมื่อถามว่า กรณีการปะทะกันถือว่าวิกฤติหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่เห็นวิกฤติเลย ถ้าวิกฤติจริงก็ต้องเกิดเหตุการณ์ระเบิดรุนแรงที่กรุงพนมเปญ
เมื่อถามว่า การยกระดับการชุมนุมโดยการถามฉันทามติประชาชนในวันที่ 5 ก.พ.นั้นมีแนวทางอย่างไรบ้าง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราต้องรอดูผลฉันทามติของประชาชนว่าจะให้แกนนำทำอย่างไรบ้างกับนายกรัฐมนตรีจะให้มีความรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งการถามฉันทามติจะมีขึ้นในช่วงค่ำ ส่วนจะมีความเคลื่อนไปที่ไหนอย่างไรยังบอกไม่ได้ในขณะนี้ ว่าเราจะเคลื่อนเข้าทำเนียบรัฐบาลหรือไปที่ไหนอย่างไร เพราะการดำเนินการจะต้องเป็นไปอย่างสุขุมรอบครอบ และขณะนี้จำนวนไม่ใช่อุปสรรค เท่าที่มีขณะนี้ก็สามารถกดดันนายกรัฐมนตรีได้
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ให้พธม.ล่าชื่อหมื่นชื่อให้ถอนเอ็มโอยู 43 เข้าสู่สภาเพื่อพิจารณานั้น พล.ต.จำลอง กล่าว อย่ามาหลอกกันดีกว่าไม่มีประโยชน์ เราจะดำเนินการตามแนวทางของเรา