
ฝรั่งยืนยันแล้วอายุไม่เป็นอุปสรรคต่อการเตะปี๊บ (ฮา)
ผมมีข่าวดีสำหรับ ผู้อาวุโส ของไทยจากเมืองนอกครับ...ขอยืนยันว่าอายุเท่าไหร่ก็ยัง เตะปี๊บดัง ดังแน่นอน
และไม่ใช่เพียงแค่เล่าเป็นโจ๊กตลกโปกฮาของเหล่าผู้ชาย “ปากกล้า, ขา (กางเกง) สั่น” ในสภากาแฟเท่านั้นครับ เป็นผลการศึกษาวิจัยเรื่องชีวิตเซ็กส์ของผู้สูงวัยโดยเฉพาะทีเดียวเชียวแหละ
และเขาประกาศอย่างไม่ลังเลว่า “Old age is no barrier to sex life” หรือแปลตรงตัวก็คือว่า “อายุมากไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อชีวิตเซ็กส์” (ผมอยากเติมว่า “...เลยแม้แต่น้อย” ด้วยซ้ำไป
ไม่เชื่อถามอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง, เจ้าสำนัก “ชีวจิต” ได้ด้วยตนเอง (ฮา)
เขากล้าออกข่าวอย่างนี้อย่างเป็นทางการก็เพราะเขาสำหรับคนอเมริกันทั้งหมด 3,005 คน อายุตั้งแต่ 57-85
ผลการวิจัยครั้งนี้ทำให้ต้องเลิกเชื่อแบบเก่าๆ ที่ว่าพอคนเราอายุมากขึ้น ความรู้สึกหรืออารมณ์ทางด้านนี้ก็จะหดหายตามไปด้วย
และเพราะเชื่อกันผิดๆ อย่างนี้มาตลอดกระมังจึงทำให้การศึกษาเรื่องนี้ไม่เคยทำกันอย่างจริงจัง...ปล่อยให้ทฤษฎีผิดๆ เกี่ยวกับหัวข้อ “อันละเอียดอ่อน” อย่างยิ่งนี้กลายเป็นเรื่องน่าพิศวงสงสัยสำหรับคนทั้งสังคม
ผมเคยได้ยินเรื่องเล่า (เรื่องจริง) เรื่องหนึ่งว่าด้วยท่านผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสังคมไทยคนหนึ่ง อายุปาเข้า 80 กว่าแล้ว วันหนึ่งแกอุ้มเด็กน่ารักเข้าลิฟต์ในคอนโดหรูหราแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ...เพื่อนบ้านที่ลงลิฟต์มาพร้อมกันทักทายด้วยความชื่นชมว่า
“ท่านครับ...หลานท่านน่ารักจังเลยนะครับ”
มหาเศรษฐีอาวุโสผู้นั้น หันควับมาที่ผู้ทักทายด้วยสีหน้าของผู้ไม่ค่อยพอใจนัก พร้อมกับตอบด้วยเสียงดังฉาดฉานว่า “ลูกอั๊วเอง, ไม่ใช่หลานสักหน่อย” ฮา)
ผมพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมท่านผู้อาวุโสผู้นี้จึงได้โกรธและประกาศเป็นสัจธรรมให้เป็นที่รู้ไปทั่วสังคมไทยว่าอายุไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับแกที่จะกระทำการเพื่อให้ได้ลูกอายุน้อยๆ ของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
การสำรวจที่สหรัฐครั้งนี้ได้ผลสรุปที่น่าสนใจยิ่งว่ากลุ่มคนที่เข้าโครงการสำรวจนี้ มีจำนวนมากพอที่จะมีนัยสำคัญทางสถิติบอกว่าแม้อายุย่างเข้า 70 และ 80 ...เรียกว่าได้ยินเสียงตุ๊บตั๊บๆ เตะปี๊บอยู่ประจำจนเพื่อนบ้านอิจฉา ว่างั้นเถอะ
ผลงานวิจัยครั้งนี้ทำโดยมหาวิทยาลัยชิคาโก และตีพิมพ์ในนิตยสารทางการแพทย์ชื่อดังของสหรัฐที่ชื่อ New England Journal of Medicine ดังนั้นจึงเป็นงานที่ได้รับการยอมรับและถือว่าได้มาตรฐานอันควรแก่การเชื่อถือทีเดียว
นักวิจัยคณะนี้บอกว่าจากการสอบถามอย่างใกล้ชิดและละเอียดลออของคนวัยนี้ สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับเซ็กส์ไม่ใช่เพราะ “ไร้อารมณ์” หรือ “บ่จอย” หากแต่เป็นเพราะปัญหาสุขภาพหรือไม่ก็เพราะขาด “คู่ชก” เสียมากกว่า
รายงานบอกว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมการวิจัยกว่า 3,000 ชุดนี้รายงานว่ามีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตัวเองด้วยอัตราความถี่ดังนี้ 73% ของผู้มีอายุ 57-64, 53% ของผู้มีอายุ 64-75 และ 26% ของผู้มีอายุ 75-85
และในจำนวนผู้ที่บอกว่ามีชีวิตทางด้านเพศสัมพันธ์อย่าง “คึกคัก” นั้น ความถี่ของการทำกิจกรรมด้านนี้เดือนละสองถึงสามครั้ง
รายละเอียดของการสำรวจว่าด้วยวิธีต่างๆ ของการมีเซ็กส์นั้นอ่านแล้วน่าทึ่งพอสมควร แต่ผมกลัวจะ “โป๊” เกินไป จึงขอไม่เล่าให้ถึงแก่นถึงกึ๋นเกินไป เดี๋ยวจะหาว่าผม (แค่ 60 เองครับ) ทะลึ่งก่อนวัยอันควร
แต่อ่านรายงานงานวิจัยครั้งนี้บอกได้ว่าแต่ละคนล้วนแต่สามารถทำในสิ่งต่างๆ ที่คนหนุ่มคนสาวคุยว่าทำได้ทั้งสิ้น
ผลการวิจัยเน้นว่าในท้ายที่สุดเรื่องเซ็กส์นั้นเกี่ยวพันกับสุขภาพของแต่ละคนอย่างยิ่ง พูดง่ายๆ ก็คือว่าถ้าคุณสุขภาพไม่ดี เจ็บออดๆ แอดๆ เป็นประจำ ไม่ว่าวัยไหน ก็จะเผชิญกับปัญหาไร้อารมณ์กุ๊กกิ๊กกับคู่ของคุณทั้งนั้น
ผลการสำรวจอีกด้านหนึ่งบอกว่าผู้ชายที่เข้าโครงการนี้บ่นว่าปัญหาใหญ่ที่สุดไม่ใช่เรื่องของ "อารมณ์สู้” แต่อยู่ที่ “นกเขาไม่ขัน” เมื่อต้องการให้มันร้องด้วยเสียงอันดังและมีอาการดึ๋งดั๋ง ดังนั้น ผู้ชายประมาณ 14% ในกลุ่มนี้บอกว่าใช้ยาเสริมช่วยเป็นประจำซึ่งหมอบอกว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
เมืองไทยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอย่างนี้เพราะสังคมถือว่าคนอายุสูงเอาไว้เคารพนับถือ แต่มักมองข้ามคุณภาพชีวิตของ “ผู้ใหญ่” และไม่กล้ายกเอาเรื่องทำนองนี้มาศึกษาวิเคราะห์เพราะเห็นเป็นเรื่องน่ารังเกียจ
แต่ความจริง เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกทั้งทางร่างกายและจิตใจนั่นแหละที่ทำให้การดำรงชีวิตในวัยนี้มีความหมายมากกว่าที่คนรุ่นลูกรุ่นหลานเข้าใจมากมายหลายเท่านัก
ไม่เชื่อลองกระซิบถามดูเองซิ (ฮา)
สุทธิชัย หยุ่น