
สั่งย้าย40นักโทษคุกราชบุรีก่อจลาจล
สั่งย้าย 40 นักโทษเรือนจำกลางราชบุรี ก่อจลาจลไปอยู่เรือนจำเขาบิน เจ้าหน้าที่วิสามัญ 2 ศพ จึงระงับเหตุการณ์อยู่
จากเหตุการณ์นักโทษในแดน 4 ของเรือนจำกลางราชบุรี ก่อจลาจลและพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตัดสินใจวิสามัญหัวโจก 2 ราย จึงทำให้ควบคุมสถานการณ์ให้อยู่สภาวะปกติ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 ก.พ. 54 ที่ผ่านมา
ล่าวสุดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางราชบุรี นั้นมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยจู่โจมพิเศษ จากกรมราชทัณฑ์ จำนวนกว่า 100 คน เข้าไปตรวจค้นภายในเรือนจำ เพื่อหาสิ่งของต้องห้ามที่นักโทษแอบลักลอบนำเข้าหรือประดิษฐ์ใช้เองภายในเรือนจำ นอกจากนี้ยังมีการย้ายนักโทษที่ร่วมก่อเหตุในช่วงเย็นของเมื่อวาน ประมาณ 40 คน ไปอยู่ที่เรือนจำเขาบิน ซึ่งเป็นเรือนจำนักโทษเด็ดขาด และอยู่ตรงข้ามกับเรือนจำกลางราชบุรี พร้อมกับทำการสอบสวนถึงสาเหตุที่มาร่วมก่อจลาจลภายในแดน 4 และพิจารณาโทษสถานหนักกับนักโทษที่ร่วมก่อเหตุ พร้อมทั้งลดชั้นนักโทษลงมา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับนักโทษคนอื่นๆ
นอกจากนี้ทางเรือนจำกลางเองก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการก่อการจลาจลในครั้งนี้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องของการหาตัวผู้ที่ทำการตัดรั้วลวดหนามที่อยู่ด้านหลังเรือนนอนภายในแดน 4 ด้วย
นายสุรชัย พุ่มแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จ.ราชบุรี กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ทำการคัดแยกและย้ายนักโทษจำนวน 15 คน ที่ร่วมก่อเหตุจลาจลและทำร้ายเจ้าหน้าที่รวมทั้งมีพฤติกรรมที่รุนแรงไปอยู่ที่เรือนจำเขาบิน ซึ่งเรือนจำเขาบินนั้นเป็นเรือนจำนักโทษเด็ดขาดและมีอัตราโทษสูง และได้ทำการสอบสวนหาผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะการตัดลวดหนามด้านหลังแดน 4 นั้น น่าจะเป็นการตัดเพื่อลอดตัวออกไปเอาโทรศัพท์หรือยาเสพติดที่มีผู้ที่โยนเข้ามาให้จากด้านนอก
แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนทำ และในช่วงที่ก่อเหตุนั้นทั้งหัวโจกที่ตายไป 2 คน และนักโทษที่ยังเหลือนั้นเบื้องต้นนั้นคาดว่าอาจจะมีการเมายา เพราะดูจากอาการในช่วงที่ก่อเหตุ ซึ่งทางเรือนจำก็จะต้องทำการนำนักโทษที่ร่วมก่อเหตุไปทำการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ส่วนการตรวจค้นซึ่งได้ทำการตรวจค้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น ววันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ (18 ก.พ.) นั้นก็พบโทรศัพท์ ยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามหลายอย่าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร
ในส่วนของญาติของนักโทษที่เสียชีวิตนั้นถ้าจะมาโวยอะไรก็โวยมา เพราะทางเรือนจำนั้นทำตามกฎหมายและจำเป็นต้องทำ ทั้งที่เราพยายามใช้มาตราการที่เบาสุดแล้ว และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นักโทษเหล่านี้ก็ยังไม่หยุดซึ่งเราก็จะต้องมาตราการหนักสุดซึ่งเป็นวิธีสุดท้ายที่จะหยุดได้