ข่าว

ตระกูลจิตรสกุลผุดศูนย์ประชุมนานาชาติเหนือ

ตระกูลจิตรสกุลผุดศูนย์ประชุมนานาชาติเหนือ

21 ก.พ. 2554

ตระกูลจิตรสกุล สยายปีกรุกตลาดโรงแรม-ประชุมสัมมนาเชียงใหม่ หลังเทคโอเวอร์โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์เปลี่ยนเป็น "เชียงใหม่แกรนด์วิว" ล่าสุด ทุ่มงบเพิ่มอีกกว่า 200 ล้านบาท ผุดศูนย์ประชุมนานาชาติใหญ่สุดในภาคเหนือ รองรับได้ถึง 2 พันคน ก่อนเล็งสร้าง"คอมมูนิตี้ มอลล

 นายเรืองชัย จิตรสกุล  กรรมการผู้จัดการ บริษัทเชียงรายหล่อตระกูล 2005 จำกัด   ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว  เปิดเผยกับ"กรุงเทพธุรกิจ" ว่า   หลังซื้อกิจการโรงแรมที่บริหารงานโดยกลุ่มเชนฮอลิเดย์ อินน์ ย่านถนนซุปเปอร์ไฮเวย์  เชียงใหม่-ลำปาง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่  เมื่อปี 2549 และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น"โรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว"  ต่อมาในปี 2552  ได้ใช้งบลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 200 ล้านบาท  สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ แกรนด์วิว  บนพื้นที่ด้านหลังโรงแรม ประกอบด้วย ห้องแกรนด์วิว ฮอลล์ และห้องแกรนด์วิว 1 - 7  สามารถจุคนได้ตั้งแต่ 300 - 2,000 คน  มีอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น จอดรถได้ 400 คัน  ถือเป็นศูนย์ประชุมใหญ่สุดในภาคเหนือ พร้อมเปิดตัวในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554

 ก่อนหน้านี้  ได้ดำเนินกิจการโรงแรมที่จ.เชียงรายมานาน มีกิจการในเครือ คือ โรงแรมเวียงอินทร์  เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว และโรงแรมสุขนิรันดร์  ส่วนการเข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่นั้น เล็งเห็นศักยภาพในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค  มีการจัดประชุมและสัมมนาขนาดใหญ่ทั้งระดับนานาชาติและทั่วไปเป็นประจำ  อีกทั่งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมแนะนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.  ให้เป็นศูนย์กลางการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการของภูมิภาค หรือ "ไมซ์ ซิตี้"

 นายเรืองชัย  กล่าวว่า    ในปีแรกที่บริหารโรงแรมเชียงใหม่  แกรนด์วิว ธุรกิจไปได้ดีเพราะจ.เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว และปลายปี 2549 ถึงต้นปี 2550 มีการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก เฉลิมพระเกียรติ 2549  ต่อมาในปี 2551 - 2552  เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันก็มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นในประเทศ  ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติลดลงเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย

 นอกจากนี้บริษัทประกันภัยยังยกเลิกทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง  จนอัตราการเข้าพักเหลืออยู่ 50%   แต่หลังการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายและเศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ตลาดห้องพักโรงแรมกลับมาขยายตัวและเติบโตอีกครั้งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น ตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงต้นปี 2554 อัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นในระดับ  70 - 80%  กลุ่มลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติถึง 80% ส่วนคนไทยมี 20%

 "แม้ธุรกิจโรงแรมของจ.เชียงใหม่จะแข่งขันกันค่อนข้างสูง  มีโรงแรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่ระดับ 1 - 5 ดาว  มีโรงแรมที่บริหารงานโดยเชนจากต่างประเทศมากกว่า 5 แห่ง  มีห้องพักรวมกันมากกว่า 30,000 ห้อง  แต่ผมวางตำแหน่งโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีราคาสมเหตุสมผลไม่แพงเกินไปเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ-นักท่องเที่ยว  รวมทั้งสนับสนุนให้จ.เชียงใหม่เป็น"ไมซ์ ซิตี้" ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและนำรายได้เข้าสู่พื้นที่"นายเรืองชัย กล่าว 

 นายเรืองชัย กล่าวอีกว่า  นอกจากการลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่จ.เชียงใหม่ยังวางแผนสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ บนพื้นที่ 20 ไร่ ที่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง  ซึ่งอยู่ในย่านเดียวกับโรงแรมเชียงใหม่  แกรนด์วิว เพื่อเป็นแหล่งช้อปปิ้ง  และศูนย์รวมธุรกิจตอบสนองความต้องการชาวเชียงใหม่  และนักท่องเที่ยว  โดยมีแผนสร้างโรงแรมสไตส์ บูติก ขนาด 79  ห้อง อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย   คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้