
ตระกูลจิตรสกุลผุดศูนย์ประชุมนานาชาติเหนือ
ตระกูลจิตรสกุล สยายปีกรุกตลาดโรงแรม-ประชุมสัมมนาเชียงใหม่ หลังเทคโอเวอร์โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์เปลี่ยนเป็น "เชียงใหม่แกรนด์วิว" ล่าสุด ทุ่มงบเพิ่มอีกกว่า 200 ล้านบาท ผุดศูนย์ประชุมนานาชาติใหญ่สุดในภาคเหนือ รองรับได้ถึง 2 พันคน ก่อนเล็งสร้าง"คอมมูนิตี้ มอลล
นายเรืองชัย จิตรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเชียงรายหล่อตระกูล 2005 จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว เปิดเผยกับ"กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หลังซื้อกิจการโรงแรมที่บริหารงานโดยกลุ่มเชนฮอลิเดย์ อินน์ ย่านถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2549 และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น"โรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว" ต่อมาในปี 2552 ได้ใช้งบลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 200 ล้านบาท สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ แกรนด์วิว บนพื้นที่ด้านหลังโรงแรม ประกอบด้วย ห้องแกรนด์วิว ฮอลล์ และห้องแกรนด์วิว 1 - 7 สามารถจุคนได้ตั้งแต่ 300 - 2,000 คน มีอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น จอดรถได้ 400 คัน ถือเป็นศูนย์ประชุมใหญ่สุดในภาคเหนือ พร้อมเปิดตัวในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554
ก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินกิจการโรงแรมที่จ.เชียงรายมานาน มีกิจการในเครือ คือ โรงแรมเวียงอินทร์ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว และโรงแรมสุขนิรันดร์ ส่วนการเข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่นั้น เล็งเห็นศักยภาพในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค มีการจัดประชุมและสัมมนาขนาดใหญ่ทั้งระดับนานาชาติและทั่วไปเป็นประจำ อีกทั่งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมแนะนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ให้เป็นศูนย์กลางการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการของภูมิภาค หรือ "ไมซ์ ซิตี้"
นายเรืองชัย กล่าวว่า ในปีแรกที่บริหารโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว ธุรกิจไปได้ดีเพราะจ.เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว และปลายปี 2549 ถึงต้นปี 2550 มีการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก เฉลิมพระเกียรติ 2549 ต่อมาในปี 2551 - 2552 เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันก็มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นในประเทศ ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติลดลงเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย
นอกจากนี้บริษัทประกันภัยยังยกเลิกทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง จนอัตราการเข้าพักเหลืออยู่ 50% แต่หลังการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายและเศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ตลาดห้องพักโรงแรมกลับมาขยายตัวและเติบโตอีกครั้งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น ตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงต้นปี 2554 อัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นในระดับ 70 - 80% กลุ่มลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติถึง 80% ส่วนคนไทยมี 20%
"แม้ธุรกิจโรงแรมของจ.เชียงใหม่จะแข่งขันกันค่อนข้างสูง มีโรงแรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่ระดับ 1 - 5 ดาว มีโรงแรมที่บริหารงานโดยเชนจากต่างประเทศมากกว่า 5 แห่ง มีห้องพักรวมกันมากกว่า 30,000 ห้อง แต่ผมวางตำแหน่งโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่มีราคาสมเหตุสมผลไม่แพงเกินไปเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ-นักท่องเที่ยว รวมทั้งสนับสนุนให้จ.เชียงใหม่เป็น"ไมซ์ ซิตี้" ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและนำรายได้เข้าสู่พื้นที่"นายเรืองชัย กล่าว
นายเรืองชัย กล่าวอีกว่า นอกจากการลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่จ.เชียงใหม่ยังวางแผนสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ บนพื้นที่ 20 ไร่ ที่ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ซึ่งอยู่ในย่านเดียวกับโรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว เพื่อเป็นแหล่งช้อปปิ้ง และศูนย์รวมธุรกิจตอบสนองความต้องการชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยว โดยมีแผนสร้างโรงแรมสไตส์ บูติก ขนาด 79 ห้อง อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้