ข่าว

 เจ้าอาวาส...ฟัน6แสนแอบขาย"พระประธาน"

เจ้าอาวาส...ฟัน6แสนแอบขาย"พระประธาน"

31 มี.ค. 2554

พระพุทธศาสนาต้องมัวหมองอีกครั้ง เมื่อ "มารศาสนา" ในคราบเจ้าอาวาส สมรู้ร่วมคิดกับแก๊งค้าพระพุทธรูปเก่า เปลี่ยนพระพุทธรูปเก่าแก่ในวิหาร แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาที่คุ้นเคยของ "ไวยาวัจกร" แห่งวัดป่าแดด อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

 ทุกๆ วันพระ นายปรีชา ไชยมงคล ไวยาวัจกร วัดป่าแดด พร้อมกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง จะมาปฏิบัติธรรมสวดมนต์ภาวนาที่วัดป่าแดด และมักจะเข้าไปสักการบูชา "พระสิงห์" พระประธานอยู่ในวิหารของวัดป่าแดดอยู่เสมอ เนื่องจากวิหารแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้ขอพรทุกวันพระ แต่วันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 4 หรือวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ต้องพบกับความผิดปกติของพระสิงห์ ซึ่งเคยเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองเหลือง ศิลปะสมัยล้านนา อายุกว่า 500 ปี กลับดูใหม่เอี่ยมอ่อง เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดจึงรู้ว่าเป็น "พระสิงห์ปลอม"!!

 นายปรีชายืนยันว่า วันพระขึ้น 15 ค่ำที่ผ่านมา (19 มี.ค.) ยังเห็นพระสิงห์องค์เก่าดั้งเดิม ผ่านมาแค่ 9 วัน กลายเป็นพระพุทธรูปองค์ใหม่ คล้ายกับพระพุทธรูปที่ทำขึ้นมาใหม่ เมื่อตรวจสอบฝ่าเท้าของพระพุทธรูปไม่ปรากฏรอยก้อนหอยเหมือนองค์เก่าดั้งเดิม จึงรีบแจ้งให้ พระอุทัยวัฒน์ ไพโรจน์วิบูลกิจ เจ้าอาวาสวัดทราบเรื่อง ก่อนไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย 

 นายปรีชาให้การว่า พระวิหารของวัดป่าแดด จะเปิดให้ชาวบ้านเข้าสักการบูชาทุกวันพระ ส่วนวันอื่นๆ จะถูกปิดล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้ถือกุญแจไว้แต่เพียงผู้เดียว  หากวันไหนไม่ใช่วันพระประตูวิหารถูกปิดล็อกกุญแจไว้ โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้ถือกุญแจประตูวิหารแต่เพียงผู้เดียว พ.ต.อ.วิสุทธิ์ พุ่มจันทร์ ผกก.สภ.สันทราย พร้อมด้วยชุดสืบสวน ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า พระพุทธรูปองค์ที่ประดิษฐานแทนที่พระสิงห์ เป็นพระที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ได้ไม่นาน และจากการตรวจสอบโดยรอบของวิหารไม่ปรากฏร่องรอยของการงัดแงะ และหากเป็นฝีมือของแก๊งโจรกรรมพระ จะไม่นำพระพุทธรูปใหม่มาวางแทนที่เช่นนี้

 พ.ต.อ.วิสุทธิ์ จึงนิมนต์พระอุทัยวัฒน์ มาสอบถามและระหว่างการสอบถามเจ้าอาวาส แสดงอาการพิรุธหลายอย่าง นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังได้รับข้อมูลจากสายลับว่า พระอุทัยวัฒน์ มีพฤติการณ์เสพยาเสพติด และไม่ค่อยออกบิณฑบาตเหมือนพระสงฆ์ทั่วไป เพื่อให้เจ้าอาวาสแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงร้องขอให้ตรวจปัสสาวะ เมื่อผลตรวจปัสสาวะออกมาเป็น "สีม่วง" ซึ่งแสดงว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย

 เมื่อพระอุทัยวัฒน์ เริ่มเข้าตาจนพยายามแบ่งรับแบ่งสู้อ้างว่า ได้รู้จักกับ นายสมบัติ หรือ ติ่ง วิสฤตไพศาล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 3 ต.สารภี จ.เชียงใหม่ เข้ามาติดต่อซื้อขายพระโดยอ้างว่านายทุนคนหนึ่งต้องการหาพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่ อีกทั้งได้เข้าไปถ่ายรูปพระสิงห์ภายในวิหาร เพียงไม่นานนายสมบัติก็เดินมาบอกว่า มีนายทุนสนใจพระพุทธรูปองค์นี้ เสนอราคาให้ 6 แสนบาท แล้วจะให้ส่วนแบ่งกับนายอุทัยวัฒน์เป็นเงิน 1.5 แสนบาท จึงตอบตกลง โดยอ้างว่าจะนำเงินมาบูรณะวัด

 หลังจากตกลงกันแล้วนายสมบัติ ได้ไปหาซื้อพระประธานใหม่ขนาดเดียวกันจากร้านจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ และจำหน่ายองค์พระพุทธรูปแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในราคา 14,500 บาท แล้วนำพระพุทธรูปที่ซื้อไปแปลงโฉมที่บ้านถวาย แหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมไม้แกะสลักชื่อดังใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และลงมือนำพระมาเปลี่ยนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 มีนาคม โดยมี นายชัช พุทธิมา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 14 ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับพวกอีก 2 คน ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผฉ 7128 เชียงใหม่ มาที่วัดป่าแดดแล้ว เจ้าอาวาสก็ลงมาเปิดประตูวิหารให้

 หลังจากให้การรับสารภาพ พระอุทัยวัฒน์ ถูกนำไปลาสิกขากับรองเจ้าคณะตำบลสันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมควบคุมตัวในฐานะผู้ถูกกล่าวหา พร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวนไปติดตามจับกุมนายสมบัติ และนายชัช

 เพียงไม่นานชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัวได้ พร้อมทั้งยึดของกลาง พระพุทธรูปทองสำริด 1 ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว 1 องค์ พระพุทธรูปหน้าตัก 5-7 นิ้ว 11 องค์ พระพุทธรูป ขนาดหน้าตัก 3-5 นิ้ว 24 องค์ พระเครื่องบูชาขนาดเล็ก 113 องค์ พร้อมรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผฉ 7128 เชียงใหม่ ที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมทั้งสามารถติดตามพระพุทธรูปสิงห์ องค์เดิม กลับคืนมาได้ โดยถูกทิ้งไว้บริเวณหลังวัดแม่คือ ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

 "ข้อมูลแผนประทุษกรรมของผู้ถูกกล่าวหาบางคนยังเชื่อไม่ค่อยได้ เพราะให้การบางประเด็นขัดกับข้อเท็จจริง ตอนนี้อยู่ระหว่างขยายผลไปสู่ผู้ที่ร่วมก่อเหตุ และนายทุนที่เป็นผู้บงการ" พ.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าว