ข่าว

จับแม่"ศิริโชค โสภา"ฐานฉ้อโกงทรัพย์

จับแม่"ศิริโชค โสภา"ฐานฉ้อโกงทรัพย์

08 พ.ค. 2554

ตำรวจรวบแม่"ศิริโชค โสภา"คาสนามบินดอนเมืองข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ด้านแม่ส.ส.ปชป.เตรียมฟ้องกลับแจ้งเท็จ-ปลอมลายเซ็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.40น.วานนี้(6พ.ค.)พ.ต.ท.นุสรณ์ อินน้อย สวป.สน.ดอนเมือง พร้อมชุดจู่โจมเข้าจับกุม น.ส.เสาวรส โสภา อายุ 73 ปี แม่ของนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อยู่บ้านเลขที่ 185/1 ซอยทรงสะอาด แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ จพ267/2554 ลงวันที่ 3 พ.ค.2554 ในข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมที่หน้าประตูทางออกผู้โดยสารขาออก สนามบินดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง หลังจากได้รับเบาะแสจากนายมนตรี สิหนาทกถากุล ผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อเวลา 01.00 น.ทางน.ส.เสาวรสได้ยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาทเพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวออกไป

นายมนตรี สิหนาทกถากุล เปิดเผยว่า รู้จักกับน.ส.เสาวรสเป็นเวลากว่า 30 ปี ให้ยืมเงินประจำ แต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว น.ส.เสาวรสได้ขอยืมเงินตนทั้งหมด 15 ล้าน เดือนต่อมาก็เซ็นเช็คทยอยจ่ายคืน 10 ใบ ใบละ 1.5 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 15 ต.ค. ตนนำเช็คที่เซ็นมา 3 ใบไปขึ้นเงิน พบว่าเช็คเด้ง เมื่อตรวจสอบพบว่า น.ส.เสาวรสเป็นบุคคลล้มละลายและต้องพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเขียนเช็คได้

ตนพยายามติดต่อน.ส.เสาวรส แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงิน อ้างว่าเกิดปัญหาธุรกิจส่งออกกุ้งและปลาหมึกไปญี่ปุ่นมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ ในที่สุดตนมอบอำนาจให้ทนายความไปฟ้องศาล ทางศาลนัดฝ่ายตนและน.ส.เสาวรสมาไกล่เกลี่ย ซึ่งศาลมีหมายเรียก 3 ครั้ง คือเดือนพฤศจิกายน ครั้งที่สองธันวาคม จนเมื่อเดือนมกราคมครั้งที่สาม น.ส.เสวรสได้หลบหนีไม่ได้มาตามหมายศาล ทางศาลจึงมีหมายจับออกไป

“กระทั่งเมื่อวานนี้ ตนทราบว่าน.ส.เสาวรสจะเดินทางกลับจากการพบหัวคะแนนพรรคปชป.ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาลงสนามบินดอนเมือง จึงประสานเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเมื่อจับได้ น.ส.เสาวรสโอ้อวดว่าเป็นแม่นายศิริโชค โสภา พยายามพูดจาข่มขู่ โวยลั่นสน.ก่อนได้รับประกันตัวไป” นายมนตรีกล่าว

วันนี้(7พ.ค.) นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีมารดาของตัวเองคือ น.ส.เสาวรส โสภา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง จับกุมข้อหาฉ้อโกงนายมนตรี สิหนาทกถากุล ที่สนามบินดอนเมือง ว่า แม่ของตนและนายมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าของคอกม้าแห่งหนึ่ง รู้ จักสนิทสนมกันนาน ทั้งนี้มารดาของตนได้ยืมเงินจากนายมนตรีจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อนำไปหมุนเวียนใช้จ่ายในการทำธุรกิจ โดยนายมนตรีคิดดอกร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี เป็นการกู้เงินนอกระบบ

 ซึ่งแม่ของตนไม่ได้ติดใจอะไรและไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืม แต่ก็ชำระเงินคืนให้และขอยืมเงินอีก แต่เมื่อนายมนตรีเห็นว่าคุณแม่เริ่มจะไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ จึงอ้างว่าจะหาเจ้าหนี้รายใหม่ให้ยืมเงิน 10 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายคืนนายมนตรีและแม่ของตนจะได้เงินเพิ่มอีก 5 ล้านบาท โดยให้แม่ของตนขอยืมเพชรที่มีราคา 5-6 ล้านบาท จากเพื่อนมาเป็นหลักประกันแล้ว ซึ่งแม่ของตนเข้าใจว่าเขาจะให้ยืมเงินเพิ่มขึ้น และเขายังหลอกให้ทำสัญญาที่ทำให้จำนวนเงินต้นเดิม 10 ล้านบาท กลายเป็น 15 ล้านบาท แต่นายมนตรี กลับนำเพชรดังกล่าวไปและไม่ให้เงินตามสัญญา ในที่สุดก็เกิดปัญหาถึงขั้นมีการฟ้องร้องต่อศาล

 นายศิริโชค กล่าวอีกว่า นายมนตรีได้พยายามใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้ศาลออกหมายเรียกแม่ไปขึ้นศาลในวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าหมายเรียกดังกล่าวมาไม่ถึงบ้านของตน แม่จึงไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ไปขึ้นศาลตามนัดในหมายเรียก ทั้งนี้เมื่อนายมนตรีสืบทราบว่าแม่เดินทางไปร่วมงานแต่งงานของญาติของนายมนตรี ที่จ.สุราษฎร์ธานี ก็นำตำรวจจับกุมแม่ที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ผ่านมาเพียง 3 วัน ถือว่ามีความผิดปกติ เมื่อนำแม่ไปสอบปากคำที่ สน.ดอนเมือง แล้ว ก็เห็นว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ จึงยอมให้ยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวออกไป

 “เช้าวันนี้(7 พ.ค.)แม่ได้ไปให้การชั้นศาล ศาลวินิจฉัยว่ามันไม่มีอะไรเลย แต่น่าจะมีความผิดปกติ จึงให้ประกันตัวแม่ของผมวงเงิน 5 แสนบาท ซึ่งนายมนตรี รู้สึกผิดหวังเพราะไม่สามารถทำให้แม่ของผมถูกจำคุกได้ จึงออกมาโวยวายโดยให้สัมภาษณ์ว่าคุณแม่อ้างชื่อผม และกล่าวหาว่าผมโทรศัพท์ข่มขู่นายมนตรีทั้งที่นายมนตรี เป็นผู้ทำผิดกฎหมายเพราะเป็นเจ้าหนี้ปล่อยกู้เงินนอกระบบ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน เมื่อแม่ผมสังเกตว่าเริ่มมีสิ่งผิดปกติก็บันทึกการสนทนากับนายมนตรี เป็นวีดีโอและบันทึกเสียงเพื่อใช้เป็นหลักฐานเอาผิดนายมนตรี นอกจากนี้ยังมอบให้ทนายเตรียมฟ้องกลับนายมนตรีในข้อหาแจ้งความเท็จและปลอมลายเซ็น แล้ว” นายศิริโชค กล่าว