ข่าว

กรมส่งเสริมลดต้นทุน-เพิ่มคุณภาพสู่อาฟตา

กรมส่งเสริมลดต้นทุน-เพิ่มคุณภาพสู่อาฟตา

01 มิ.ย. 2554

กาแฟ "เขาทะลุ" ชุมพร ท่าแซะ ชุมพร และสวนจปร.ระนอง

 กรมส่งเสริมปรับโครงสร้างผลิตกาแฟลดต้นทุน-เพิ่มคุณภาพสู่อาฟตา เลือกกลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร จำกัด อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และกลุ่มเกษตรกรทำสวน จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง 

 กรมส่งเสริมการเกษตร มีแนวคิดที่จะดำเนินงานโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร โดยพุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มคุณภาพการผลิตกาแฟ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าสินค้ากาแฟ โดยส่งเสริมให้มีการแปรรูปกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟของสถาบันเกษตรกร และส่งเสริมพัฒนาธุรกิจกาแฟของสถาบันเกษตรกร ซึ่งได้เลือกเป้าหมายไปที่ จ.ชุมพร และจ.ระนอง เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตกาแฟมากที่สุด มีพื้นที่ปลูกกาแฟรวมกันประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งประเทศ

 พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ เช่น จ.ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช นิยมปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า

 ส่วนจากการสำรวจเมื่อปี 2551 พบว่า ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ 29,432 ครัวเรือน ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 130 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนการผลิต เฉลี่ย 39.06 บาทต่อกิโลกรัม แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับกาแฟนำเข้า   

  นายอนันต์ ลิลา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายวิชาการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร ที่ จ.ชุมพร และจ.ระนอง โดยเลือกกลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร จำกัด อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และกลุ่มเกษตรกรทำสวน จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง เนื่องจากทั้ง 3 แห่งมีศักยภาพในการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟ มีตลาดรองรับในระดับหนึ่งแล้ว เข้าไปช่วยสนับสนุนในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการแปรรูปกาแฟ เพิ่มมูลค่าให้สินค้ากาแฟ และเพิ่มความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร การปรับโครงสร้างนี้จะสามารถลดผลกระทบจากการเปิดตลาดภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งคาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการจะช่วยเพิ่มผลผลิตกาแฟจากเดิม 200 กก.ต่อไร่ เป็น 250 กก.ต่อไร่ ของการปลูกกาแฟในแปลงเดี่ยว และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ของการปลูกกาแฟร่วมกับพืชอื่น จากเดิม 140 กก.ต่อไร่ เป็น 180 กก.ต่อไร่