ข่าว

เสรีพิศุทธ์ส่งทนายแจง"รีสอร์ทภูไพรธารน้ำ"

เสรีพิศุทธ์ส่งทนายแจง"รีสอร์ทภูไพรธารน้ำ"

07 ก.ย. 2552

"เสรีพิศุทธ์"ส่งทนาย แจงคดีสร้างรีสอร์ทภูไพรธารน้ำ ซัด "พ.ต.ท.ศิริวัฒน์"แค้น"เสรีพิศุทธ์"ที่จับบ่อน"ปอ ประตูน้ำ"เคยถูกตั้งกรรมการมีความเห็นไล่ออกมาแล้ว แต่สมัย"พัชรวาท"กลับเข้ามารับราชการใหม่ ยัน รีสอร์ทไม่รุกล้ำป่าสงวน ส่วน"เนื้อทราย"เกิดจากการเลี้ยงไม่

 เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 กันยายน ที่บ้านพักเลขที่ 164/87 ซอยบางขุนนนท์ 24 แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. โดย นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดแถลงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีรุกที่ป่าสร้างรีสอร์ตภูไพรธารน้ำ 100 ไร่ ในจ.กาญจนบุรี ว่าในฐานะทนายความส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ทุกคนคงรู้จักดีเพราะเป็นคนที่ถูกทำร้ายในศาลอาญา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 แล้วตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ซึ่งตนจะมาแถลงข่าวแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เนื่องจากตนเป็นคนที่รู้เรื่องทั้งหมด

 นายอนันตไชย กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ โมรานนท์ อดีตรอง ผกก.สภ.อ.บางระจัน สิงห์บุรี ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เกี่ยวกับการรุกล้ำป่าไม้ และถมที่รุกล้ำไปในแม่น้ำแควน้อยนั้น สำหรับตัว พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ อดีตเคยเป็นพยานของนายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ "ป.ประตูน้ำ" คดีที่ตนเป็นทนายความให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอนที่ถูกนายไพจิตร ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 4 คน รวมทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วยว่าบุกรุกที่ดินตอนที่ไปยึดรถในการจับบ่อน ป.ประตูน้ำ และทางภรรยาของ พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ก็ไปเช่าคอนโดฯของนายไพจิตรอยู่ พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ จึงมาเป็นพยานให้นายไพจิตร โดยผิดขั้นตอนของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับ การรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาจนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา มีการสืบสวนสอบสวน จนได้ความว่าการมาเป็นพยานนั้นผิดขั้นตอนของกฎหมายและผิดกฎ ก.ตร. จากนั้นจึงตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และมีความเห็นให้ไล่ออก

 นายอนันตไชย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกคำสั่งของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขึ้นมารักษาการแทนผบ.ตร. และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีมติให้ พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ กลับเข้ามารับราชการตามเดิม จึงอยากเรียนว่า พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ มีความโกรธเคืองกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตนยืนยันได้เพราะ พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ได้ยื่นฟ้องตำรวจบางนาย และตนก็เป็นทนายความให้ด้วย และพ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ก็ใช้ทนายความคนเดียวกับนายไพจิตร ด้วยจึงอยากให้พิจารณากันเองว่าเกิดเหตุตรงนี้ได้อย่างไร

 นายอนันตไชย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ดินทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นั้น ตนเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะตนเป็นทนายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล กว่า 30 คดี รวมถึงนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล หัวหน้ากลุ่มพิราบขาวกล่าวหาว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รุกล้ำในแม่น้ำแควน้อย ซึ่งตนเป็นคนนำหลักฐานจากกรมเจ้าท่าภูมิภาค 3 จ.กาญจนบุรี มาเบิกความเป็นพยานต่อศาล ทุกครั้ง จนศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษ พล.ต.ขัตติยะ และนายนพรุจ เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้รุกล้ำแม่น้ำแต่อย่างใด และศาลก็พิพากษาเหมือนกันทุกครั้งคือไม่ผิด

 นายอนันตไชย กล่าวอีกว่า มาวันนี้เรื่องการกล่าวหาการรุกล้ำแม่น้ำแควน้อยนั้นมีข้อกล่าวหาเยอะมาก ไม่จบเสียที ตอนนี้เรื่องก็อยู่ในศาลปกครอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รำคาญมาก ก็เลยฟ้องศาลปกครอง ขณะนี้เรื่องก็อยู่ในศาลปกครอง หากตัวพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผิดก็ว่าไปตามผิด ซึ่งตอนนี้ก็ไม่น่าจะมาเร่งดำเนินคดี และที่สำคัญที่สุด ช่วงเช้าของวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แถลงข่าวถึงเบื้องหลังการปล้นตำแหน่ง ผบ.ตร. วันนั้นเองตอนบ่าย พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทันที

 นายอนันตไชย กล่าวอีกว่า จะขอย้อนกลับไปถึงที่มาที่ไปของที่ดินตรงนี้ คือเดิมที่ดินตรงนี้คือเลขที่ 844 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นที่ดิน น.ส. 3 ซึ่งก็คือที่ดินที่นายอำเภอรับรองว่าทำประโยชยน์แล้ว โดยออก น.ส. 3 มาตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2527 ให้กับนายอนนท์ จันทรไพศรี ส่วนที่ดินอีกแปลงหนึ่งคือที่ดินเจ้าปัญหา คือเลขที่ 195 ตำบลและอำเภอเดียวกัน มีเจ้าของ น.ส.3 คือนายดี บัวผัด ออกให้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2528 และปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้มีการซื้อต่อมาโดยนายชานนท์ จันทร์ไพศรี

 จากนั้นนายชานนท์ ก็จะทำรีสอร์ทเขื่อนเขาแหลมวนาเวศน์ ก็เลยทำหนังสือไปยังกรมป่าไม้ เพื่อถามว่าที่ดินแปลงเลขที่ 488 และ 195 นั้นอยู่ในพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ ก็ได้รับหนังสือแจ้งตอบกลับจากนายลือ ช้อนสวัสดิ์ ป่าไม้จังหวัดกาญจนบุรีว่าได้ให้ป่าไม้อ.ทองผาภูมิ ไปตรวจสอบแล้ว ที่ดินทั้ง 2 แปลงนั้นไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด จึงอยากเรียนว่า การทำรีสอร์ทนั้น ทำมาตั้งแต่ปี 2534 ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงซื้อที่ดินแปลงนี้

 นายอนันตไชย กล่าวต่อว่า จากนั้นในปี 2535 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขณะนั้นยังมียศเป็น พล.ต.ต. ก็ได้ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลงนี้มาจากนายวิสูตร วีระดำรงกุล อย่างถูกต้องไม่ได้ซื้อป่าสงวนแห่งชาติ และต่อมาก็ได้มีการออก น.ส.3 ให้กับที่ดินทั้งสองแปลง เลขที่ 1294 และ 1295 โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นเจ้าของ ซึ่งที่ดินแปลงนี้ติดแม่น้ำแควน้อยมีการเปิดให้นำจากเขื่อนเขาแหลมลงมาเป็นระยะ และน้ำจะกัดเซาะริมตลิ่งทำให้ตลิ่งพัง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2544 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เลยมอบอำนาจให้ นายสิริวัฒน์ คงคาเขต ทำหนังสือขออนุญาตกรมเจ้าท่าทิ้งหินกันน้ำกัดเซาะริมตลิ่ง

 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 ก็มีหนังสือตอบกลับมาว่าการขออนุญาตทิ้งหินกระทำอยู่ตามแนวที่ดินนั้นทำตามแนวที่ดินเดิม ไม่ได้รุกล้ำลำน้ำ ทั้งนี้การทิ้งหินดังกล่าวจะต้องไม่ยื่นล้ำเกินกว่าแนวขอบที่ดินในสิทธิครอบครอง โดยมีเงื่อนไขคือ เมื่อเริ่มดำเนินการจะต้องแจ้ง ให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรีรับทราบ และแจ้งอีกครั้งเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว และระหว่างที่มีการทิ้งหินไปแล้ว 140 เมตรก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ก็ไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใด

 นายอนันตไชย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการรุกล้ำในแม่น้ำแควน้อย ตามที่ พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ กล่าวหานั้น พยานหลักฐานเหล่านี้ได้นำเสนอศาลทุกครั้งที่มีการกล่าวหา หมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และนำพยานบุคคลทั้งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่ามาเบิกความทุกครั้ง ก็มีการยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่ได้รุกล้ำ ทิ้งหินถูกต้อง กันแนวถูกต้อง ในปี 2549 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงขอออกโฉนดที่ดินจาก น.ส.3 ก. เป็นฉโนดที่ดิน ซึ่งกรมเจ้าท่าก็ได้มาสำรวจชี้และวางแนวเขตอีก ก็ปรากฏว่าไม่ได้รุกล้ำ จึงมีการออกโฉนดที่ดินให้เลขที่ 7783 จำนวน 41 ไร่ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หลายครั้งหลายหน เมื่อมีการตรวจสอบก็ยืนยันเหมือนเดิมคือไม่ได้รุกล้ำ ตามพยานหลักฐาน

 เมื่อมีการร้องเรียนแบบนี้หลายครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เลยให้คนอื่นเช่าไปเลยตั้งแต่ปี 2546 โดยให้นายวิรัช เอื้อสุนทรพานิช เป็นผู้เช่า และทำสัญญาเช่าทุก 3 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2546-1 กุมภาพันธ์ 2549 ครั้งที่สอง 1 กุมภาพันธ์ 2549-1 กุมภาพันธ์ 2552 และครั้งที่สามคือ 1 กุมภาพันธ์ 2552 - 1 กุมภาพันธ์ 2555 ฉะนั้นนายวิรัช จะนำที่ดินไปทำอะไรนอกเหนือจากที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำไว้ ก็เป็นเรื่องของนายวิรัช แต่หลังจากนายวิรัช เช่าไปแล้วก็ไม่ได้มีการทำรุกล้ำอะไรไปในแม่น้ำแควน้อย

 นายอนันตไชย กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องสัตว์ป่าสงวนที่มีการกล่าวหาว่าที่ดินของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ มีสัตว์ป่าสงวนนั้น ตนขอเรียนว่า ที่ดินตรงนี้มีเนื้อทรายอยู่ทั้งสิ้น 34 ตัว เมื่อปี 2549 นายสมชาย โกกนุทาภรณ์ ได้ขายเนื้อทรายให้ จ.ส.ต.วิเชียร มีจุ้ย จำนวน 14 ตัว และปี 2549 อีก 20 ตัว และให้นำไปเลี้ยงที่ภูไพรธารน้ำรีสอร์ท มีใบอนุญาตถูกต้อง ฉะนั้นเนื้อทรายพวกนี้ไม่ใช่สัตว์ป่าสงวนที่เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นสัตว์ป่าที่เกิดจากการเลี้ยงไว้ แต่เข้า พ.ร.บ.สัตว์ป่าสงวนเท่านั้น และได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้แล้วเรียบร้อย จึงอยากแถลงให้สื่อมวลชนฟังว่า สิ่งที่กล่าวหามาทั้งหมดนั้นไม่จริงเลย

 "ในเร็วๆนี้จะฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องและรู้เรื่องทุกคน โดย พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ต้องฟ้องแน่นอนในข้อหาแจ้งความเท็จ คิดดูแล้วกันเช้าวันที่ 16 มิถุนายน ท่านเสรีพิศุทธ์ แถลงเรื่องปล้นตำแหน่ง ตอนบ่ายไปแจ้งความแล้ว แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ผมไม่อยากจะเรียกว่ากลั่นแกล้ง อยากให้คิดเอาเอง และการแจ้งความนั้น ผมเชื่อเลยว่าเอาเรื่องเดิมมาแจ้ง ไม่ได้มีเรื่องใหม่เลย และตัวพ.ต.ท.ศิริวัฒน์ นั้นรู้เรื่องอะไรป่าไม้ยังไม่แจ้งความดำเนินคดีเลย กรมเจ้าท่ายังไม่ทำ แล้วคุณไปทำทำไม ถ้าไม่ใช่เรื่องเจตนาที่ต้องการทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียง" นายอนันตชัย กล่าว

 นายอนัตชัย กล่าวอีกว่า ส่วนพนักงานสอบสวนใครที่รู้เรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่สมัยที่มีการสืบสวนสอบสวนวินัยร้ายแรง แล้วพ้นระยะเวลาจนมีการระงับไปแล้ว แต่ยังกลับมาเป็นคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนอีก ก็จะฟ้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งตนมีชื่อไว้ในใจประมาณ 10 กว่าคน แต่บอกไม่ได้ว่ามีใครบ้าง คนสั่งตั้งกรรมการสอบโดนหมด เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ทำความผิด แต่ยังแจ้งข้อหาอันเป็นเท็จ ส่วน ผบ.ตร.จะฟ้องร้องหรือไม่นั้นถ้าเกี่ยวข้องฟ้องแน่นอน ซึ่งตอนนี้จะเอาเอกสารที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้มาไปศึกษา ร่างคำฟ้องแล้วก็ฟ้อง

 ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะไปพบพนักงานสอบสวนตามนัดหรือไม่นั้น นายอนันตไชย กล่าวว่า สำหรับเรื่องหมายเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้นตนไม่ทราบ เพราะตัวพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังไม่ได้รับหมายเรียก ตนมาแถลงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชน และประชาชนทราบ ถึงข้อเท็จจริงของที่ดินภูไพรธารน้ำรีสอร์ทนั้นมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร อย่างคดีของตนที่ถูกฟันที่ศาลอาญานั้น ทุกวันนี้ไม่เห็นจะจับได้เลย ไม่ขายขี้หน้าบ้างหรือ กลางวันแสกๆ คนเยอะแยะไม่เห็นไปเร่งคดีนั้นบ้าง กลับมาเร่งคดีจิ๊บๆ แบบนี้ ตนขอถามว่า ท่านเป็นถึง อดีตผบ.ตร.แต่กลับไม่ให้เกียรติบ้างเลย และยังไปเชื่อคนที่มีเรื่องโกรธเคืองกับท่านเสรีพิศุทธ์ ไม่รู้บางเลยหรือว่าที่ดินตรงนี้เป็นอย่างไร เอกสารก็มีครบ ส่งให้ศาลปกครองแล้ว ฉะนั้นการส่งหมายเรียกท่านเสรีพิศุทธ์นั้น ตนตอบไม่ได้

 ต่อข้อถามที่ว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่าเป็นเรื่องที่มีใบสั่งมาจาก ผบ.ตร.หรือไม่ นายอนันตไชย กล่าวว่า ตนว่าพี่น้องสื่อมวลชนทราบดี ก่อนหน้านี้ตนเคยบอกให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ายตำรวจนายหนึ่งยศแค่พลตำรวจ เพราะทำไม่ถูก แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่าไม่ได้ ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยก่อน ขนาดตนเป็นทนายประจำตัว ท่านยังไม่เอาด้วย แล้วเรื่องที่นายสมัคร ปลดท่านเสรีพิศุทธ์ ข้อเท็จจริงทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าผิดหรือถูก มันเลยมาแล้ว ถามว่าตอนนี้ใครจะรับผิดชอบชื่อเสียงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่เรื่องเงินจำนวน 18 ล้าน ที่มีการร้องเรียนว่าทุกจริตนั้น มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ตั้งวินัยร้ายแรงได้เลย แต่ปรากฏว่าไม่มีการตั้งเรื่องความผิดวินัยร้ายแรง กลับส่งให้กฤษฎีกาตีความอีก ตอนนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนซ้ำอีก มันตลกหรือเปล่า

 ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า เรื่องการรุกล้ำแม่น้ำนี้จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องรีสอร์ทของ พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ด้วยหรือไม่ นายอนันตไชย กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะระยะหลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปเร่งรัด นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ตั้งกรรมการสอบวินับร้ายแรง ก็เลยมีเรื่องนี้ขึ้นมาเร่งด่วน แต่หลักฐานมันไม่ชัด ไม่เหมือนกับที่ตนแถลง เพราะตนรู้เรื่องดี