ข่าว

หมอฝากเตือนสายปาร์ตี้ติดโอเวอร์โดสอันตรายอย่างไร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพจ หมอเวร ได้โพสต์ความรู้เกี่ยวกับใครก็ตามที่เป็นนักท่องราตรี ชอบเที่ยว ชอบดื่ม หรือบางคนอาจเสพยาเสพติดจนเกินขนาด

เพจ หมอเวร ได้โพสต์ความรู้เกี่ยวกับใครก็ตามที่เป็นนักท่องราตรี ชอบเที่ยว ชอบดื่ม หรือบางคนอาจเสพยาเสพติดขจนเกินขนาด แต่รู้หรือไม่ว่าการเสพยาเสพติดที่เรียกกันว่าโอเวอร์โดสนั้น อันตรายขนาดไหน 

 หมอฝากเตือนสายปาร์ตี้ติดโอเวอร์โดสอันตรายอย่างไร

เข้าใจว่าตอนนี้หลายคนคงได้อ่านข่าวผลการชันสูตรเบื้องต้นของน้องลัลลาเบลแล้วว่าเป็นไงบ้าง ส่วนเรื่องที่สงสัยกันว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น อาจต้องรออีกอย่างน้อย 15 วันนู้นจึงจะทราบผล

แต่ก่อนที่คนจะลืมเรื่องราวกันไปเสียก่อน หมออยากขอเล่าเรื่องที่ค้างกันไว้ตั้งกะเมื่อเช้า ที่ว่ายาเสพติดที่ว่าถ้ามันโอเวอร์โดสแล้วอันตรายยังไงบ้าง

ขอเล่าแบบนี้ว่า ยาเสพติดแต่ละชนิด มันออกฤทธิ์ต่างกัน บางชนิดมีฤทธิ์หลอนประสาท บ้างก็กระตุ้นประสาท แตกต่างกันไป แต่จะขอพูดถึงกรณียามอมสาวและยาสายปาร์ตี้ทั้งหลายนะ ส่วนใหญ่จะส่งผลกับระบบประสาทและการทำงานของร่างกายเรา หลังเสพใหม่ๆ มันจะไปกระตุ้นความดันโลหิตให้เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่สูบฉีดเลือดแบบเฉียบพลัน ส่งผลให้ปากแห้ง มือสั่น และอีกสารพัดอาการ ดังนั้นเมื่อเติมเจ้าพวกนี้เข้าไปในปริมาณมาก รวมถึงเราไปช่วยกระตุ้นมันจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ก็จะยิ่งทำให้ตัวยาแสดงอาการไวขึ้น และออกฤทธิ์ได้นานยิ่งขึ้นไปอีก

#ทำไมถึงเรียกว่าโอเวอร์โดส
เหตุผลคือร่างกายเรามันมีขีดจำกัดของมันอยู่ ถ้าเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆมันก็พอไหว แต่ถ้ายิงยาวติดต่อกันเกินที่ตับจะขับสารพิษออกได้ทัน นั่นแหละเราถึงเกิดการโอเวอร์โดสขึ้นนั่นเอง อาการถัดไปก็คือน็อคแบบเฉียบพลันทันที

นึกภาพว่า เราเป็นนักวิ่ง 100 เมตรสิ พอออกสตาร์ท ก็อัดด้วยความเร็วสูงสุดเต็มที่ ได้ในเวลาไม่กี่สิบวินาทีใช่มั้ย แต่ถ้ายืดระยะทางเป็น 400 เมตรล่ะก็ บอกเลยว่า ยังไงความเร็วก็ลดลง เพราะเอาจริงๆ แค่ 100 เมตร ก็เหนื่อยจนแทบขาดใจแล้ว แต่การเสพยาที่เกินขนาด มันคือการบังคับให้เราเร่งฝีเท้าสูงสุดตลอดระยะทาง 400 เมตร ซึ่งถ้าร่างกายมันรับไม่ไหว ก็มีโอกาสน็อคได้ทันที หรือต่อให้กัดฟันไปจนครบ 400 เมตร ร่างกายก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดีจริงมั้ย

ซึ่งยาที่วงการนักเที่ยวชอบเสพกันก็น่าจะเป็นพวกยาอี ยาเค หรือโคเคนอะไรแบบนั้น แต่ความน่ากลัวของคนกลุ่มนี้ก็คือ มักไม่ได้เสพยาเพียงแค่ตัวเดียวนี่สิ อาจมีทั้งเหล้า กัญชา หรือยาตัวอื่นร่วมไปด้วย ดังนั้นทั้งน็อคขึ้นมาจริงๆ หมอที่รับเคสก็ปวดหัวพอตัวเลย เพราะก็แยกยากมากว่ามาจากยาตัวไหน หรือศัพท์ที่เราคุ้นเคยกัน "ไปโดนตัวไหนมา ?"

ส่วนการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เข้าไปช่วย หรือพลเมืองดีที่ผ่านไปเจอเหยื่อที่มีอาการเหล่านี้

เบื้องต้นก็ให้ทำเหมือนกับคนไข้ที่ชักหมดสตินั่นแหละ คือจับนอนตะแคง คลายเสื้อผ้าให้หลวม เอียงหัวเพื่อป้องกันการสำลัก เพราะเคยเจอบางราย น้ำลายฟูมปากแล้วสำลักจนเสียชีวิตก็มี (ไม่ได้ตายเพราะยาแต่ตายเพราะสำลักน้ำลายตัวเอง)
ถ้าหัวใจหยุดเต้น หรือไม่หายใจก็ต้องรีบทำ CPR ในทันที รวมถึงรีบแจ้งรถพยาบาลด้วย

ที่สำคัญอยากให้ขีดเส้นใต้ 48 ครั้งเอาไว้เมื่อผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลก็คือ 

เวลาคุณเสพยาอะไรมาก็ตาม ถึงแม้คุณจะไม่กล้าบอกตำรวจ แต่กับหมอคุณต้องบอกให้หมด จดให้ครบว่าว่าผู้ป่วยไปโดนตัวไหนมาบ้าง หมอจะได้ทำการรักษาได้อย่างรวดเร็วและตรวจได้ถูกจุด เพราะถ้าไม่บอกหมอว่าทำอะไรมาบ้าง หมอก็อาจวินิจฉัยไปคนละทางกันได้ ซึ่งจุดเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันอันตรายถึงชีวิตเลยแหละว่ากันตามตรง

หมออยากจะฝากไว้อย่างนึง ใครที่เป็นสายปาร์ตี้แล้วยังเล่นเจ้าพวกนี้อยู่ประจำล่ะก็ โอเคแหละวันนี้คุณยังไม่เป็นไร ใช้แล้วก็สนุกดี มันสุดมากๆ ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าวันไหนมันโอเวอร์โดสหรือเก็ตไฮขึ้นมา วันนั้นชะตาชีวิตคุณไม่ต่างจากการกระโดดลงบ่อจรเข้แล้วนะ โอกาสจะรอดกลับมามันน้อยมากๆ อันนี้อยากฝากให้คิดกันเยอะๆก่อนจะเล่นอะไรแบบนี้ในครั้งต่อไป

และหากบทสรุปของเรื่องนี้มาจากยาเสพติดล่ะก็ คนที่เดือดร้อนอาจไม่ใช่แค่ผู้ต้องสงสัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราควรตั้งคำถามต่อว่า ปล่อยให้มีการซื้อขายยาเสพติดหรือยามอมสาวในท้องที่นั้นได้ยังไงมากกว่า 

 

CR.หมอเวร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ