ททท.ฟ้องอีก 900 ร้านค้าโกงเงิน'เราเที่ยวด้วยกัน' เตรียมอุดช่องโหว่
ททท.แจ้งความ เอาผิดผู้ประกอบการเพิ่มเติม อีกกว่า 900 ราย ทุจริต 'เราเที่ยวด้วยกัน' มากสุดท้องที่ภูธร ภาค 8 - 9 - 4 พฤติกรรมเดินตามรอย 'ชัยภูมิ - ภูเก็ต' ทำรัฐเสียหายกว่า 1,700 ล้านบาท เตรียมเสนอวิธีอุดช่องโหว่
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม(รอง ผบก.ป.) กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐที่จัดทำขึ้นมาเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงไวรัสโควิด-19 ว่า ในวันนี้ น.ส.สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (รองผู้ว่า ฯ ททท.) พร้อมทีมกฎหมาย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ประกอบการอีก 448 ราย และร้านค้า 486 ราย รวม 934 รายในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งมีกระจายไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว เป็นหลัก เช่น ตำรวจภูธรภาค 8 มากที่สุด 152 ราย ตำรวจภูธร ภาค9 จำนวน 144 ราย ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 133 ราย ฯลฯ มีมูลค่าความเสียหายในภาพรวม กว่า 1700 ล้านบาท ซึ่งเป็นคนละส่วนกับผู้กระทำผิดในล็อตแรกที่มีเพียง จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต
โดย การฉ้อโกงเกิดขึ้นในลักษณะเดิม ไม่แตกต่างจาก ที่จังหวัดชัยภูมิ และภูเก็ต ซึ่งไม่มีตัวการใหญ่ในการกระทำผิด เพราะ ผู้ประกอบการและร้านค้าในทุกพื้นที่ มักใช้กลโกงการทุจริตในรูปแบบเดียวกัน ไม่แตกต่างกัน. คือ การสวมสิทธิ์ การจองห้องพักเข้าพักในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้เข้าพักจริง การตั้งราคาสูงเพื่อรับเงินทอน นำคูปองที่ได้หลังเช็กอินห้องพักไปสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า แต่ไม่มีการซื้อสินค้าจริง ฯลฯ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ช่องโหว่โครงการในการทุจริต แต่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากรับเรื่องร้องทุกข์ไว้ในเบื้องต้นกองปราบจะทำหน้าที่ รวบรวม ข้อมูล เพื่อส่งต่อ ให้ในแต่ละพื้นที่ดำเนินคดีต่อ หลัง ผบ.ตร มีการสั่งการให้แต่ละ กองบัญชาการ ตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาทำคดีดังกล่าว แล้ว
ทั้งนี้คดีดังกล่าวส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมฉ้อโกง ซึ่งเป็นข้อหาที่สามารถยอมความได้หากมีการชดใช้ทรัพย์สินคืนให้กับรัฐ ซึ่ง ในส่วนประชาชน ที่มีการขายสิทธิ์ ให้บุคคลอื่นไปดำเนินการมีเป็นแสนคน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของโครงการคือสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่หากไม่คืนเงินให้รัฐ ก็จะดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนกฎหมาย. ส่วนเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเป็นการนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นมาลงทะเบียนเพื่อ ขอหมายเลข otp นั้น ไม่สามารถยอมความได้
ส่วนการอุดช่อง การทุจริตดังกล่าว ได้ มีการหารือร่วมกับ ตำรวจ ธนาคารกรุงไทย การท่องเที่ยว ฯ. สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเพื่อวางแนวทางมาตรการแก้ไขอุดช่อง ปัญหาในส่วนนี้ไปบ้างแล้ว