ข่าว

เริ่ม "ล็อกดาวน์" สกัด "เดินทางข้ามจังหวัด" ต้องมีเอกสาร เข้มด่าน "เคอร์ฟิว" 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด

เริ่ม "ล็อกดาวน์" สกัด "เดินทางข้ามจังหวัด" ต้องมีเอกสาร เข้มด่าน "เคอร์ฟิว" 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด

19 ก.ค. 2564

เริ่มคืนนี้  "ล็อกดาวน์" สกัด "เดินทางข้ามจังหวัด" ต้องมีเอกสารที่ศบค.กำหนด เข้มด่าน "เคอร์ฟิว" 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) กำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่โดยเฉพาะเน้นย้ำไปยังพื้นที่ควบคุมสุดและเข้มงวด 

 

เริ่ม \"ล็อกดาวน์\" สกัด \"เดินทางข้ามจังหวัด\" ต้องมีเอกสาร เข้มด่าน \"เคอร์ฟิว\" 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด

โดยให้ตรวจรถทุกคันตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทางข้ามจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการเดินทางข้ามจังหวัดออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในการกำหนดจุดตรวจ จุดสกัด ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและบูรณาการกำลังพลปฏิบัติร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร และสาธารณสุข กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ที่มีรอยต่อระหว่างพื้นที่ ที่ ศบค. กำหนด ควบคุมการปฏิบัติไม่ให้มีการตั้งด่านตรวจข้ามจังหวัดซ้ำซ้อนกัน (ประชาชน ต้องไม่ถูกตรวจซ้ำ 2 ด่านตรวจเดินทางข้ามจังหวัด

 

เริ่ม \"ล็อกดาวน์\" สกัด \"เดินทางข้ามจังหวัด\" ต้องมีเอกสาร เข้มด่าน \"เคอร์ฟิว\" 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด

สำหรับการตรวจเอกสาร กรณีประชาชนได้ลงทะเบียนในเว็บไซต์ที่ ศบค.กำหนด เพื่อขออนุญาตเดินทางข้ามจังหวัดทางโดยจะแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิว หากพบประชาชนไม่เข้าข้อยกเว้นตามข้อกำหนดฯ ให้เจ้าหน้าที่ซักถามและว่ากล่าวตักเตือนโดยให้ ลงข้อมูลในแอพพลิเคชัน Covid Control ด้วยทุกครั้ง

โดยให้เริ่มตั้งจุดตรวจเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. 64 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป รวมทั้งสั่งการให้จัดชุดสายตรวจ ชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจตรา ห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงเวลาเคอร์ฟิว 21.00 - 04.00 น. โดยเน้นประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำประชาชนทราบถึงข้อห้ามและมาตรการตามข้อกำหนดต่าง ๆ และกวดขันสถานประกอบการต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.

รวมไปถึงกวดขันจับกุมการรวมกลุ่มมั่วสุมมากกว่า 5 คนขึ้นไป ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยกำชับและกำกับดูแลกำลังพลให้ระวังป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในระหว่างปฏิบัติงาน

สำหรับ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 ก.ค.64 เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทาง เฉพาะเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่

  1. กรุงเทพฯ
  2. สมุทรปราการ
  3. นนทบุรี
  4. ปทุมธานี
  5. สมุทรสาคร
  6. นครปฐม
  7. สงขลา
  8. ยะลา
  9. ปัตตานี
  10. นราธิวาส
  11. พระนครศรีอยุธยา
  12. ชลบุรี
  13. ฉะเชิงเทรา

เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยการสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ ในเส้นทางคมนาคม เข้าออกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เน้นการปฏิบัติเพื่อการคัดกรอง ชะลอหรือสกัดกั้น การเดินทางข้ามจังหวัดออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ให้เป็นตามแนวทางที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนด เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 14 วัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. 64 นั้น