จับไม่หมด! รวบ 2 หนุ่ม ลอบขน"ไอซ์" 299 กก.เตรียมขยายผลกวาดล้างเครือข่าย
จับไม่หมด! รวบขบวนการค้า"ยาเสพติด"รายใหญ่ ลอบขนไอซ์ น้ำหนัก 299 กก.พบคนสั่งการเป็นผู้ต้องหาที่ บช.ปส.ตามจับอยู่ พร้อมขยายผลกวาดล้างทั้งเครือข่ายอีกครั้ง
วันที่ 21 ส.ค.65 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ ผบก.ขส.และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 นำกำลังเข้าจับกุม นายภูวดล (สงวนนามสกุล)อายุ 32 ปี และนายวันทา (สงานนามสกุล)อายุ 40 ปี ทั้งคู่เป็นชาว จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ชนิดเกร็ดใสบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกชาเขียวยี่ห้อ ZH555 และยี่ห้อ CHINESE PIN WEI จำนวน 299 ถุง ใส่อยู่ในกระสอบปุ๋ยหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดา 7 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 299 กิโลกรัม และเฮโรอีน 2 เเท่ง น้ำหนักประมาณ 700 กรัม รถกระบะ ทะเบียน บล 9913 ลพบุรี จับได้ริมถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.อยุธยา
พล.ต.ท.สรายุทธ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ บช.ปส.ได้สืบสวนจนทราบเบาะแสว่า จะมีการขน"ยาเสพติด"ล็อตใหญ่ผ่านมาใน จ.อยุธยา จึงได้ออกสืบสวนสังเกตุการณ์มาตลอด จนเมื่อช่วงตีสาม วันที่ 20 สิงหาคม พบรถบรรทุก โตโยต้า ทะเบียน 2ฒห-5338 กรุงเทพมหานคร และรถบรรทุก มิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน บล-9913 ลพบุรี ขับมุ่งหน้า อ.วังน้อย จ.อยุธยา ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปจนถึงริมถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.อยุธยา ก่อนเข้าปิดล้อมสกัดรถบรรทุกมิตซูบิชิ พบนายวันทา หรือเปีย เป็นผู้ขับ และนายภูวดล นั่งเบาะข้าง จากการตรวจค้นพบ ไอซ์ 299 ก้อน น้ำหนักประมาณ 299 กก. และ เฮโรอีน จำนวน 2 เเท่ง น้ำหนักประมาณ 700 กรัม อยู่ที่กระบะท้าย จึงยึดไว้เป็นของกลาง
เบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติดจากพ่อค้ายาเสพติด ให้ขนมาส่งลูกค้าในส่วนภาคกลาง โดยมีรถบรรทุก อีกคันที่หนีไปได้ เป็นรถนำทาง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์, เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองอันเป็นกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนโดยเป็นการกระทำที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดี พร้อมสอบสวนขยายผล กับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
รายงานข่าวแจ้งส่า สำหรับขบวนการขนลำเลียงไอซ์ ขบวนการนี้ ตำรวจ บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผล และมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สั่งการของขบวนการนี้แล้ว โดยเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายสำคัญ ถูกตำรวจ ปส.ติดตามตัวมาตลอด จนกระทั่งต้องหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) หลังจากนี้ตำรวจ บช.ปส.จะได้สืบสวนจับกุมและกวาดล้างทำลายขบวนการนี้อย่างเด็ดขาดต่อไป