รวบ "เน็ตไอดอลชื่อดัง" มายด์ วรัญรภัสส์ ตุ๋นลงทุนทองคำ ผู้เสียหายทั่วประเทศ
สืบสวนนครบาล IDMB บุกจับ มาย วรัญรภัสส์ "เน็ตไอดอลชื่อดัง" หลอกคนลงทุนทองคำผ่านเฟซบุ๊ก สุดท้ายเบี้ยวเงิน เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างมีหน้าที่แค่ชวนคนลงทุน ติดร่างแหโดนคดีไปด้วย
3 ธ.ค.2565 เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหาย แจ้งข้อมูลผ่านเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมตัว เน็ตไอดอลสาวชื่อดังรายหนึ่ง หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนทองคำโดยการชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊ก มีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200 ล้านบาท
ตำรวจจึงได้ตรวจสอบพบว่าเน็ตไอดอลสาวชื่อดังรายนี้ มีประวัติก่อคดีร่วมกันมาหลายคดี และพบว่ามีผู้ติดตามกว่า 200,000 คน ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นขอออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเน็ตไอดอลรายนี้และได้ประกาศสืบจับไปทั่วประเทศ
ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้ติดตามจับกุมตัว น.ส.วรัญรภัสส์ (สงวนนามสกุล) หรือ มายด์ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา จ.สงขลา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่หน้าห้องพัก คอนโดแห่งหนึ่งย่าน ถนนประชาราษฏร์ แขวงและเขตบางซื่อ
ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2561 น.ส.วรัญรภัสส์ ได้ร่วมกับพวกหลอกลวงประชาชน โดยการตระเวนโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก ชักชวนประชาชนร่วมลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง โดยอ้างว่า ว่ามีทองคำแท่งที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด แล้วมีการขายเอากำไรเป็นทอด ๆ ซึ่งช่วงแรกได้กำไรจากเงินส่วนต่างจริง
หลังจากผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ ได้ใช้อุบายหลอกลวงเพื่อให้ผู้เสียหายระดมเงินมาลงทุนก้อนใหญ่ จากนั้นก็ไม่ได้รับทองคำหรือกำไรตามที่แจ้ง
สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายได้รับความเสียหายทั่วประเทศ จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.วรัญรภัสส์ (สงวนนามสกุล) หรือมายด์ เป็น “เน็ตไอดอลชื่อดัง” มีผู้ติดตามกว่า 200,000 คน
เบื้องต้น น.ส.วรัญรภัสส์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยว่า ปัจจุบันทำงานเป็นโมเดลลิ่ง และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกโซเชียล โดยตอนเกิดเหตุช่วงปี 2561 นั้นตกเป็นผู้เสียหายเหมือนกัน โดยระบุว่า มีหน้าที่ชักชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุน และรับเงินเพื่อที่จะโอนต่อให้กับ “หัวหน้าขบวนการ” โดยจะหักกำไรไว้บางส่วน จึงทำให้ต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย
โดยเน็ตไอดอลสาว อ้างว่า ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมามีการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาและขึ้นศาลหลายแห่ง ส่วนหัวหน้าขบวนการนั้นได้ถูกจับกุมไปแล้ว แต่ไม่มีการชดใช้เงินให้กับผู้เสียหาย แต่ยอมรับโทษจำคุก
จากนั้นชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. และจะต้องมีการสอบสวนขยายผลต่อไป