อดีตลูกน้อง"นายทุนจีน" แยกตั้ง StartUp เปิดคอลเซ็นเตอร์สายเลือดไทย
"ตำรวจ" PCT แถลงผลปฏิบัติงาน รวบ 4 อดีตลูกน้องนายทุนจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยความมั่นใจทักษะบริหาร และknowhow ที่ได้รับถ่ายทอด แต่มองส่วนแบ่งที่ได้น้อยเกินไป จึงแยกตัว จ้างคนไทย เลือกปากน้ำเปิดออฟฟิศ
ที่ ศูนย์ปราปบรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ จงเจริญ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี ร.ต.อ.วุฒินันท์ คงดี ร.ต.อ.ปรมา ปราณี ได้นำกำลัง"ตำรวจ" ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ร่วมกับชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามนำมาสู่การเข้าตรวจค้น ห้องพักของคอนโด ถ.แพรกษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาดังนี้
นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ วัย 31 ปี ภูมิลำเนาในเขตดุสิต ซึ่งถูกจับได้ จากคอนโดดังกล่าว พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ อออินวัน 3 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง สมุดบัญชี 5 เล่ม และซิมการ์ดโทรศัพท์ 38 ซิม หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.สุพรรณบุรีที่ จ.236/2565 ลงวันที่ 4 ธ.ค. 65 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” พร้อมยึดของกลางไว้ ดังนี้
สืบเนื่องจากทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบข้อมูลคนร้ายกลุ่มนี้ เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “กลุ่มใหม่” เกิดขึ้นในข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ซึ่งมีรูปแบบการหลอกลวงให้หลงรักก่อน จากนั้นจะชักชวนให้ “ลงทุนและทำภารกิจ” ภายใต้บริษัทปลอมที่ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP ซึ่งมีอฟฟิศตั้งอยู่ที่ ห้องพักในภายในคอนโดฯดังกล่าว ใน จ.สมุทรปราการ
ผลการตรวจค้นพบ นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ ผู้ต้องหา นางสาวทิพวรรณ ปัญญาไว หรือแหม่ม น.ส.สิริธร หมื่นโฮ้ง หรือแสตมป์ และน.ส.คณิณัช จิรโชควนิช หรือแฟง ทั้ง 4 คน อาศัยอยู่ภายในห้องพัก และตรวจค้นพบ ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี และซิมการ์ดโทรศัพท์
ซึ่งจากข้อมูลทั้งในโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบว่าทั้ง 4 ได้ร่วมกันหลอกลวงโดยมีแผนประทุษกรรมคือ จะสร้างเฟซบุ๊กใช้ภาพโปรไฟล์สาวสวยแล้วพูดคุยเชิงชู้สาวเพื่อชักชวนมาลงทุน โดยจะเชิญเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์ อ้างเป็นบริษัทที่ชื่อว่า E-SHIPING.COM ซึ่งไม่มีอยู่จริง จากนั้นจะให้คุยกับตัวตนปลอมที่อุปโลกน์ตนว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หลอกเสนอขายแผนโปรแกรม หลายๆแบบ เช่น การท่องเที่ยว การแต่งงาน แล้วหลอกให้โอนเงินร่วมลงทุนตามแผนงานต่างๆ เหล่านั้น เมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้วทำภารกิจเสร็จจะได้เงินคืนในจำนวนมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีเหยื่ออยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียว ที่เหลือจะเป็นหน้าม้าทั้งหมด โดยจะมีการให้หน้าม้าแสร้งลงภาพสลิปการโอนเงิน ทำทีว่าได้รับเงินจริง แสดงข้อมูลยอดรายได้ให้เหยื่อเห็น แต่เมื่อเหยื่อต้องการถอนเงินก็จะไม่สามารถถอนได้ โดยจะอ้างว่าเหยื่อทำผิดวิธี และจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ
"แก๊งคอลเซ็นเตอร์" กลุ่มนี้ มีรูปแบบเดียวกับหลายๆ แก๊ง ที่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลุ่มนี้สามารถรวบรัดระบบต่างๆ ไว้ในห้องๆ เดียว ด้วยคอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่อง และใช้คนจัดการเพียง 4 คน ซึ่งมีทั้งการทำระบบหลังบ้าน , ระบบการแบ่งห้องไลน์สนทนา , ระบบแถว 1 ที่การชักชวนเหยื่อ , การปลอมสลิปด้วยเทมเพลตในโปรแกรม Photoshop และอีกหลายขั้นตอน ซึ่งบ่งบอกถึงประสบการณ์และความเข้าใจในกระบวนการหลอกลวงของการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างดี
นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ ตามหมายจับของศาล นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฏหมาย และได้นำตัวอีก 3 รายมาซักถามปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
น.ส.คณิณัช จิรโชควนิช หรือแฟง ให้การว่า “ตนเคยเป็นพนักงาน"แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ในประเทศกัมพูชา ซึ่งร่วมหลอกลวงจนมีความชำนาญมาก มีความรู้ระดับอาจารย์ แต่ละเดือนตอนอยู่กัมพูชาสามารถทำยอดเงินได้เดือนละเป็น 100 ล้านบาท เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง โดยระบุว่า ตัวเองคนเดียวสามารถทำงานได้เหมือนคน 6 คนในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ทำไมจะไปทำเพื่อรับเปอร์เซ็นต์จากบอสชาวจีนแค่ 3% จึงเกิดความโลภ คิดอยากทำเองเพื่อจะได้รับเงินเต็มๆ
ก่อนการแยกตัว ตนได้แอบเก็บข้อมูล รูปแบบ สคริปต่างๆ ของชาวจีน และได้เลือกรูปแบบที่คิดว่าสมบูรณ์แบบเก็บติดตัวไว้ และได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย เมื่อประมาณเดือน ก.ย. 2565
จากนั้น การตั้งต้นในประเทศไทย ได้เริ่มขึ้น โดยว่าจ้างให้โปรแกรมเมอร์คนไทย ที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เขียนโปรแกรมให้ ในราคา 60,000 บาท จากนั้น ได้ร่วมกับพวกที่อยู่ในห้องอีก 3 คน ทำด้วยกัน เสนอส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองจะได้ 30% , นายสุพรพงษ์ฯ จะได้ 30% , น.ส.สิริธรฯ จะได้ 20% และ นางสาวทิพวรรณฯ จะได้ 20% โดยหวังว่า จะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น "Start-Up" เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน
ขณะที่ นายสุพรพงษ์ ปัญญาไว หรือแบงค์ ให้การว่า “ตนเองเป็นพนักงานอยู่ในเว็บพนันชื่อว่า UFABET168.net โดยมีเจ้าของเป็นชายไทย ที่มีฐานะคนหนึ่ง ซึ่งตอนอยู่ที่กัมพูชา ได้รู้จักและเป็นแฟนกับ น.ส.คณิณัชฯ ซึ่งตอนนั้น น.ส.คณิณัช เคยทำ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อยู่ที่ประเทศกัมพูชา และเอารูปแบบนั้นกลับมาทำที่ประเทศไทย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" กลุ่มนี้ มีความน่ากลัว
เพราะทั้ง 4 ถือเป็นมิจฉาชีพระดับหัวกะทิ ที่นำความรู้ความสามารถจากการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน กลับมาตั้งต้นทำในประเทศไทย ซึ่งจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด
ขอฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคนร้ายกลุ่มนี้ โดยสังเกตจากภาพอวตาลที่ใช้หลอก โดยแจ้งข้อมูลมาที่ สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com และขอเตือนขอเตือนประชาชนคนไทยที่ว่างงานอยู่ กำลังตัดสินใจไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่ไปแล้วก็เป็น call center และเมื่อใดที่ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ”