"ทนายตั้ม" งัดหลักฐานเด็ด โต้ อดีตรองนายกฯ ท้า โชว์หลักฐาน อย่าพูดลอยๆ

จากกรณีที่ "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ล่าสุดว่า เรื่องนี้ชักสนุก ใครกันแน่ทำเป็นขบวนการ คดีนี้มีการอ้างว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรีรักจริง มีผูกข้อไม้ ข้อมือ และเอาสินสอดของหมั้นให้ฝ่ายหญิง ถ้าจะเรียกคืน ตามกฎหมายมันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอยู่ จะไปหมั้นกับผู้หญิงอื่นได้ยังไง 

 

 

และที่สำคัญการทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ มีญาติผู้ใหญ่ฝ่ายไหนไปบ้างครับ มีรูปหลักฐานซักรูปหรือเปล่า หรือเป็นแค่ข้ออ้างลอยๆ เพื่อแก้เกมส์ไปวันๆ ส่วนการจะอ้างว่าไม่รู้ว่าผู้หญิงมีสามีแล้ว คนระดับนี้ก่อนจะทำพิธีจะไม่เช็คกันเลยเหรอ หรือรู้อยู่เต็มอกแต่ไม่สนใจแค่นั้นเอง ติดตามให้ดีนะครับ พรุ่งนี้มีเซอร์ไพรส์

 

ล่าสุดวันนี้ (12 มกราคม 2566) ที่ สน.บางยี่ขัน เวลา 09.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือ "ทนายตั้ม" พา นาย ก. อดีตสามีฝ่ายหญิง เดินทางแจ้งความ อดีตรองนายกฯ กรณีมีการแจ้งความเท็จ ในเรื่องอ้างว่า ได้มีการหมั้นหมายกับฝ่ายหญิง เพื่อจะดำเนินคดีฝ่ายหญิงในข้อหาฉ้อโกง หลังฝ่ายอดีตสามีทราบและมีการดำเนินคดีฝ่ายหญิง เมื่อเดือน ธันวาคม 2565 

 

 

ขณะที่ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 66 ก่อนหน้า 1 ชั่วโมง ที่ "ทนายตั้ม" จะมีการแถลงเรื่องอดีตรองนายกฯ ทราบว่า อดีตรองนายกฯ และภรรยาที่แท้จริง ที่จดทะเบียนกันมา 10 ปี ได้เดินทางไปหย่ากันที่อำเภอสามพราน เพื่อจะให้สามารถเรียกคืนทรัพย์สินกับฝ่ายหญิงได้ "ทนายตั้ม" บอกว่า นอกจากนี้ขอท้า อดีตรองนายกฯ หากมีหลักฐาน การหมั้นหมายกับฝ่ายหญิง ให้นำมาเปิดเผย เพราะตอนนี้ เป็นแค่คำพูดลอยๆ

 

 

ส่วนกระแสข่าวว่า อดีตรองนายกฯ มีการคบหากับฝ่ายหญิงมาก่อนที่จะคบกับอดีตสามี รวมถึงมี การให้เงินไปทำศัลยกรรมก็ไม่เป็นความจริง เพราะฝ่ายหญิงมีการศัลยกรรมมาก่อนแล้ว และกรณีที่เคยเป็นแคดดี้ ก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากขณะนี้ฝ่ายหญิงมีอายุ 25 ปี ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่บอกว่า คบกันมา 10 ปี ก่อนจะมารู้จักกับอดีตสามี เพราะจากการตรวจสอบ เพิ่งมีการคบหากันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แล้วฝ่ายอดีตสามีไปพบหลักฐานผ่านทางโทรศัพท์ของฝ่ายหญิง รวมถึงที่มีการให้ทรัพย์สินถึง 19 ล้าน มีการให้จริง แต่ไม่น่าจะถึงจำนวนนั้น 

 

ส่วนกรณีที่มีกระแสตีกลับมาว่า อดีตสามี ยืนยันว่าไม่มีขบวนการตบทรัพย์ เพราะอดีตสามีก็เพิ่งมารู้ และอดีตรองนายกฯ ก็รู้ว่าฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว

 

นอกจากนี้ยังกังวลเรื่องอิทธิพลของ อดีตรองนายกฯ เพราะในวันที่ นาย ก. สามีของฝ่ายหญิง มาที่โรงพัก แล้วมีฝ่ายอดีตรองนายกฯ มาด้วย ซึ่งมากัน 5 - 6 คนแล้วตำรวจอ้างว่าเป็นคนขับรถ

 

ส่วนกรณีการให้เงินไปซื้อคอนโดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหลักฐานพบว่าฝ่ายหญิงได้มีการซื้อตั้งแต่ปี 62 แต่อดีตรองนายกฯ มาเหมารวมว่าเป็นทรัพย์สินที่ซื้อให้เอง ทั้งที่อดีตรองนายกฯ เพิ่งรู้จักกับฝ่ายหญิง เมื่อปี 65 

 

ทั้งนี้ "ทนายตั้ม" บอกว่า ตนเองไม่ได้คุยกับอดีตภรรยา แต่ทราบว่าได้มีการง้อขอคืนดี ขณะที่ในเรื่องภาพหลักฐานที่ปรากฎ ฝ่ายหญิงไม่ได้ถ่ายไว้คนเดียว แต่ทางอดีตรองนายกฯ ก็มีการถ่ายเก็บไว้ด้วย