ข่าว

ยกฟ้อง 'บอร์ดทอท.' ปมแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี ชี้ 'ชาญชัย' ไม่มีอำนาจฟ้อง

ยกฟ้อง 'บอร์ดทอท.' ปมแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี ชี้ 'ชาญชัย' ไม่มีอำนาจฟ้อง

28 ก.พ. 2566

ศาลอาญาคดีทุจริต พิพากษายกฟ้องคดีที่ 'ชาญชัย' ฟ้อง 'บอร์ดทอท.' คดี 157 กรณีมีมติแก้ไขสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี ชี้โจทก์ไมใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 66) ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท 46/2564 ที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ โจทก์ฟ้อง นายประสงค์ พูนธเนศ ที่ 1 กับพวกรวม 14 คน 'บอร์ดทอท.' เป็นจำเลย ข้อหาพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดฯ 

 

 

โจทก์ฟ้องว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นใน ทอท. จำเลย ทั้งสิบสี่เป็นคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาสยานไทย จำกัด (มหาชน) วันเวลาตามฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่ดำเนิน การมีมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีผลให้เป็นการแก้ไขสัญญาที่ ทำไว้กับบริษัทเอกชนรวม 5 สัญญา โดยลดผลประโยชน์ที่ ทอท. จะได้รับจากสัญญาที่ทำไว้เดิม ทำให้ ทอท. รวมทั้งโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิด

 

ศาลพิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้ สำหรับความผิดของจำเลยทั้งสิบสี่ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 นั้น ความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีองค์ประกอบของการกระทำความผิดสองลักษณะ 

 

 

ประการแรก จำเลยผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นตัวอย่างของการกระทำความผิดทางอาญาที่อาจมีผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมได้ เนื่องจากอาจมีพฤติการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งต่อความเสียหายของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ และบุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากเจตนาพิเศษดังกล่าวของจำเลยย่อมเป็นผู้เสียหายตาม และมีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้

 

 

ประการที่สอง จำเลยผู้กระทำต้องมีเจตนาโดยทุจริต หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการกระทำความผิดทางอาญาที่ไม่มีเหยื่ออาชญากรรมหรือผู้เสียหาย ซึ่งถือว่ารัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวในส่วนที่ถือว่ารัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้

 

ส่วนกรณีการกระทำความผิดที่มีองค์ประกอบความผิดตามบทบัญญัติที่อาจมีผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมได้นั้น เมื่อทางไต่สวนไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสิบสี่กระทำการตามที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยมีเจตนามุ่งหมายกลั่นแกล้งโจทก์เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก็โดยตรงหรือโดยเฉพาะเจาะจงอย่างไร โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์จึงไม่อาจเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

 

 

สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิดต่อพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โจทก์บรรยายฟ้องโดยใช้สิทธิฟ้องคดีในฐานะผู้ถือหุ้นใน ทอท. ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและใช้สิทธิเรียกร้องแทนนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมหาชนในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว กรณีบุคคลใดจะอ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานใด ย่อมต้องพิจารณาว่าบุคคลนั้นได้รับความเสียหายหรือถูกกระทบต่อสิทธิของตนเพียงใด ความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิที่อ้างว่าถูกกระทบนั้นสิทธิดังกล่าวมีขึ้นตามบทบัญญัติกฎหมายใด เป็นการใช้สิทธิโดยอ้างสถานะใดในทางกฎหมาย และมีข้อจำกัดสิทธินั้นๆ ตามกฎหมายหรือไม่
    

 

ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์ยกขึ้นอ้างหาได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขการฟ้องคดีอันเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ ซึ่งต้องพิจารณาต่อไปว่า เมื่อการใช้สิทธิของโจทก์เกิดขึ้นในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น มิใช่บุคคลทั่วไป โจทก์จึงย่อมมีสิทธิและข้อจำกัดสิทธิภายใต้บังคับของกฎหมายเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นนั้นๆ กรณีจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า สิทธิของโจทก์ถูกกระทบทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ กล่าวคือ สิทธิของโจทก์อันเกิดขึ้นเนื่องจากโจทก็มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นถูกกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือไม่

 

 

ทั้งนี้ สถานะของโจทก็ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งโดยทั่วไป นอกจากมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ในหุ้นหรือเงินปันผล ผู้ถือหุ้นในฐานะหุ้นส่วนในบริษัทยังมีภาระหรือต้องยอมรับในกรณีที่สิทธิหรือผลประโยชน์ที่จะได้รับดังกล่าวต้องถูกกระทบหรือที่ต้องเสียไปเนื่องจากการบริหารงานหรือการดำเนินนโยบายของกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารหรือดำเนินนโยบายนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังถูกจำกัดสิทธิบางประการที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นจำต้องดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมายบัญญัติไว้หากจะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับผลประโยชน์หรือสิทธิที่ต้องเสียไป

 

 

สิทธิอันเกิดขึ้นหรือมีขึ้นเนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้น จึงยังไม่ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินการของกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารของบริษัท เนื่องจากจำต้องยอมรับในความเสียหายหรือสิทธิและผลประโยชน์ที่เสียไปอันเกิดจากการบริหารหรือดำเนินนโยบายของบริษัท โดยจะถือว่าผู้ถือหุ้นนั้นถูกกระทบกระเทือนสิทธิอันเกิดขึ้นจากการมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นนั้นๆ จนเกิดความเสียหายก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการตามกระบวนการจำกัดสิทธินั้นจนครบถ้วนแล้วตามกฎหมาย

 

 

เมื่อ ทอท. เป็นบริษัทมหาชนจำกัดและเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งได้กำหนดผู้มีอำนาจบริหารบริษัท กระบวนการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการบริหารบริษัทไว้เพื่อให้การบริหารจัดการบริษัทเป็นไปโดยเรียบร้อย มิให้การดำเนินการของผู้ถือหุ้นแต่ละรายก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นข้อจำกัดสิทธิของโจทก์ผู้ถือหุ้น เพราะกฎหมายมีเจตนารมณ์ไม่ต้องการให้ผู้ถือหุ้นเข้าไปก้าวล่วงจัดการเกี่ยวกับธุรกิจปกติของบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

 

 

เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจึงยังไม่เกิดขึ้นตามข้อจำกัดสิทธิของโจทก์ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายยังไม่ถูกกระทบยังไม่ได้รับความเสียหายตามกฎหมาย โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ที่จะมีอำนาจฟ้องแทน ทอท. ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ ประกอบกับเมื่อพิจารณาแล้วการดำเนินการของจำเลยทั้งสิบสี่ตามฟ้อง มิใช่การดำเนินการอันเข้าบทนิยามตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่ต้องดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ดังนั้น การที่ไม่ปรากฎการดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงมิใช่การอันมิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด 
   

 

สำหรับการฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 ได้ความจากหนังสือชี้แจงของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและคำเบิกความพยานศาลว่าการดำเนินการของจำเลยทั้งสิบสี่ตามฟ้องโจทก์ไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ. 2561 พร้อมตัวอย่างการดำเนินการของหน่วยงานอื่นที่ก่อให้เกิดการสูญเสียร้ายได้ แต่ไม่เข้าเงื่อนไขที่จำต้องขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามกฎหมายและประกาศดังกล่าว 
   

 

นอกจากนี้จากทางไต่สวนไม่ปรากฎว่า การดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ดังกล่าวที่โจทก์ยกขึ้นอ้างตามฟ้องมีการแปลความหรือแจ้งเวียนเผยแพร่แนวทางปฏิบัติอย่างชัดแจ้งให้เห็นได้ดังที่โจทก์ยกขึ้นอ้างแปลความ อันจะบ่งชี้แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสิบสี่ได้ทราบแล้วจงใจไม่ปฏิบัติหรือมีเจตนาปฏิบัติดำเนินการให้ฝ่าฝืนหรือให้ขัดหรือแย้งต่อกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสิบสี่ มิได้ดำเนินการดังที่โจทก์อ้างจึงฟังได้เพียงว่าเป็นการดำเนินการที่แตกต่างหรือไม่ปฏิบัติตามกระบวนการที่สอดคล้องกับความเห็นของโจทก์เท่านั้น

   

 

ทั้งไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสิบสี่ได้รับประโยชน์อื่นใดที่มิควรได้โดยชอบแต่อย่างใด กรณีจึงไมใช่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และไม่มีผลให้ฟังได้ว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 หรือความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535

 

 

ส่วนปัญหาที่ว่าเงินรายได้ของ ทอท. ทั้งหมดที่ได้รับมาถือเป็นรายได้ของรัฐหรือไม่ การที่ ทอท. แก้ไขสัญญากับเอกชนและการออกมาตรการเยียวยาให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากผลกระทบของวิกฤติการณ์สถานะการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการกระทำให้รัฐสูญเสียรายได้หรือไม่ และเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป 

 

 

ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีจะเป็นเช่นไรก็ตาม เมื่อโจทก็ไมใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่เป็นคดีนี้ คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง