บิ๊กเด่น เสียใจเหตุ 'สารวัตรกานต์' ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดความสูญเสีย
ผบ.ตร.แสดงความเสียใจเหตุการณ์ 'สารวัตรกานต์' ที่สายไหม ยันไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย สั่งกำชับสำนวนคดี ตั้งคณะทำงาน รวบรวมหลักฐานทุกมิติเพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุการณ์ 'สารวัตรกานต์' ที่สายไหมว่า ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้แสงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดความสูญเสีย
โดยโฆษกตร. เปิดเผยว่า สถานการณ์วันที่เกิดเหตุ สารวัตรกานต์ เกิดความเครียดจนกราดยิงหลายนัด ภายในบ้านพักย่านสายไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีการพูดคุยและประเมินอาการของ 'สารวัตรกานต์' ผู้ก่อเหตุตลอดเวลา โดยใช้ความพยายามทุกอย่าง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย
การควบคุมสถานการณ์ต้องใช้ความระมัดระวัง คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ และประชาชน จึงต้องระมัดระวังในการดำเนินการตามหลักยุทธวิธีอย่างที่สุด จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยเกี่ยวข้อง เน้นการเจรจามาตลอด แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ ตำรวจได้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.ได้กำชับการทำคดี ตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอบคำถามสังคมและญาติของผู้สูญเสียได้
โดยให้ ผบช.น.ตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติในที่เกิดเหตุให้ครบถ้วน สอบสวนทุกประเด็นข้อสงสัยพร้อมได้เชิญอัยการเข้ามาร่วมทำการสอบสวน รวมทั้งคดีนี้เป็นการเสียชีวิตโดยเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายต้องมีการร่วมชันสูตรหลายฝ่าย ทั้งพนักงานอัยการ กรมการปกครอง และพนักงานสอบสวน ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ เพื่อประกอบสำนวนการเสียชีวิต
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า จะเห็นว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่การเข้าควบคุมสถานการณ์ การทำสำนวนคดี และการชันสูตรพลิกศพ มีหน่วยงานอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องมาร่วมปฏิบัติตลอด ตำรวจไม่ได้ทำฝ่ายเดียว อีกทั้งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม ตร.ให้ความสำคัญในการปฏิบัติทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ยิ่งมีการสูญเสีย ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ท่าน ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย